สรรพากรเอาจริงอาชีพอิสระปิดทาง หมอ ดารา นักแสดงยื่นแบบภาษีเป็นคณะบุคคลตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป หลังพบมีการใช้คณะบุคคลเลี่ยงภาษีอย่างมาก สอบเข้ม 1.2 แสนรายว่าดำเนินการตามที่แจ้งจริงหรือไม่ พร้อมสั่งการสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศจัดเรตติ้งสำนักบัญชีสร้างมาตรฐานและความน่าเชื่อถือให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
แหล่งข่าวจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระต่าง ๆ โดยเฉพาะ ดาราและแพทย์ เพื่อให้ทราบว่า ในการยื่นแบบชำระภาษีประจำปี 2552 ที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการในเดือนมี.ค. 53 ที่จะถึงนี้ ห้ามไม่ให้กลุ่มวิชาชีพเหล่านี้ มาแสดงรายการในรูปแบบของคณะบุคคลอีกต่อไป แต่ให้ยื่นตามความเป็นจริง ที่ได้รับรายได้จากความสามารถของตนเอง ทั้งนี้ยกเว้นให้เป็นรายกรณีที่พิสูจน์ได้ว่า คณะบุคคลดังกล่าวนั้นตั้งมาด้วยความสุจริตและร่วมกันประกอบกิจการอย่างแท้จริง
"กรมสรรพากรจะตรวจสอบการยื่นเสียภาษีในรูปแบบของคณะบุคคลอย่างเข้มงวดมากขึ้น หลังจากประสบปัญหาว่า คณะบุคคลที่ตั้งขึ้นส่วนใหญ่ตั้งเพื่อกระจายฐานรายได้ออกไป เพื่อทำให้เสียภาษีน้อยลง อีกทั้งยังมีบางกรณีที่ขอคืนภาษีภายหลังอีกด้วย ทำให้กรมสรรพากรเสียประโยชน์ที่ควรได้รับ โดยดารา 1 คน ส่วนใหญ่จัดตั้งคณะบุคคลขึ้นมากระจายฐานรายได้เฉลี่ยที่ 3 คณะบุคคล แต่ก็มีบ้างที่มีคณะบุคคลถึง 10 คณะ และแม้ว่าการห้ามไม่ให้กลุ่มดารา หรืออาชีพอิสระต่างๆ เหล่านี้ยื่นภาษีในรูปแบบคณะบุคคลแล้ว ไม่ได้ส่งผลให้กรมมีรายรับเพิ่มขึ้นเท่าใดนัก แต่สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ ความเป็นธรรมในการเสียภาษีอย่างเท่าเทียมกัน" แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากกลุ่มเหล่านี้แล้ว ยังมีกลุ่มผู้ฝากเงินฝากกับสถาบันการเงินต่างๆ นายหน้าประกันชีวิต ทนายความ ให้เช่าบ้านหรือคอนโดมิเนียม ที่มักจะตั้งคณะบุคคลมากระจายฐานรายได้เช่นกัน โดยจากนี้ไปกรมสรรพากรจะเข้มงวดในการตรวจสอบคณะบุคคลทั้งหมดที่มีกว่า 1.2 แสนคณะ และจะห้ามไม่ให้มีการจดทะเบียนคณะบุคคลให้เพิ่มมากขึ้นกว่านี้อีกด้วย
ด้านนายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรได้ให้นโยบายแก่สรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ ให้เน้นใน 3 ด้านหลักคือ นอกจากจะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้ดีขึ้นแล้ว ยังให้ความสำคัญในการเข้าไปจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสำนักงานบัญชีทุกแห่ง เพราะถือว่าเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างกรมสรรพากรและประชาชนที่ว่าจ้างสำนักงานบัญชีให้จัดทำบัญชีเพื่อส่งให้กรมสรรพากร
โดยกรมสรรพากรมีวัตถุประสงค์ต้องการให้การจัดทำบัญชีให้ลูกค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายประมวลรัษฎากร เพื่อเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายทั้งผู้เสียภาษีและผู้จัดเก็บภาษี ส่วนวัตถุประสงค์รองลงมาคือการปราบปรามการทุจริตทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการสร้างรายจ่ายที่เป็นเท็จ การซื้อต่อใบกำกับภาษีจากที่อื่นมาหมุนเวียนใช้ในกิจการของตนเอง หรือใช้ใบกำกับภาษีปลอม เป็นต้น
"ที่สำคัญที่สุดคือคณะบุคคล ซึ่งจะดูรายคณะเลยว่า มีการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งคณะบุคคลหรือไม่ เป็นเงินรายได้ที่มาจากความสามารถของตนเอง หรือว่าต้องร่วมกันหลายคน โดยในส่วนของดารานั้น จะดูตามความเท็จจริงที่เกิดขึ้น หากได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งคณะบุคคลอย่างแท้จริง ก็จะยังให้ยื่นเสียภาษีในรูปแบบของคณะบุคคลได้อยู่"นายวินัยกล่าว
แหล่งข่าวจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระต่าง ๆ โดยเฉพาะ ดาราและแพทย์ เพื่อให้ทราบว่า ในการยื่นแบบชำระภาษีประจำปี 2552 ที่จะต้องยื่นแบบแสดงรายการในเดือนมี.ค. 53 ที่จะถึงนี้ ห้ามไม่ให้กลุ่มวิชาชีพเหล่านี้ มาแสดงรายการในรูปแบบของคณะบุคคลอีกต่อไป แต่ให้ยื่นตามความเป็นจริง ที่ได้รับรายได้จากความสามารถของตนเอง ทั้งนี้ยกเว้นให้เป็นรายกรณีที่พิสูจน์ได้ว่า คณะบุคคลดังกล่าวนั้นตั้งมาด้วยความสุจริตและร่วมกันประกอบกิจการอย่างแท้จริง
"กรมสรรพากรจะตรวจสอบการยื่นเสียภาษีในรูปแบบของคณะบุคคลอย่างเข้มงวดมากขึ้น หลังจากประสบปัญหาว่า คณะบุคคลที่ตั้งขึ้นส่วนใหญ่ตั้งเพื่อกระจายฐานรายได้ออกไป เพื่อทำให้เสียภาษีน้อยลง อีกทั้งยังมีบางกรณีที่ขอคืนภาษีภายหลังอีกด้วย ทำให้กรมสรรพากรเสียประโยชน์ที่ควรได้รับ โดยดารา 1 คน ส่วนใหญ่จัดตั้งคณะบุคคลขึ้นมากระจายฐานรายได้เฉลี่ยที่ 3 คณะบุคคล แต่ก็มีบ้างที่มีคณะบุคคลถึง 10 คณะ และแม้ว่าการห้ามไม่ให้กลุ่มดารา หรืออาชีพอิสระต่างๆ เหล่านี้ยื่นภาษีในรูปแบบคณะบุคคลแล้ว ไม่ได้ส่งผลให้กรมมีรายรับเพิ่มขึ้นเท่าใดนัก แต่สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ ความเป็นธรรมในการเสียภาษีอย่างเท่าเทียมกัน" แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากกลุ่มเหล่านี้แล้ว ยังมีกลุ่มผู้ฝากเงินฝากกับสถาบันการเงินต่างๆ นายหน้าประกันชีวิต ทนายความ ให้เช่าบ้านหรือคอนโดมิเนียม ที่มักจะตั้งคณะบุคคลมากระจายฐานรายได้เช่นกัน โดยจากนี้ไปกรมสรรพากรจะเข้มงวดในการตรวจสอบคณะบุคคลทั้งหมดที่มีกว่า 1.2 แสนคณะ และจะห้ามไม่ให้มีการจดทะเบียนคณะบุคคลให้เพิ่มมากขึ้นกว่านี้อีกด้วย
ด้านนายวินัย วิทวัสการเวช อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรมสรรพากรได้ให้นโยบายแก่สรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ ให้เน้นใน 3 ด้านหลักคือ นอกจากจะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้ดีขึ้นแล้ว ยังให้ความสำคัญในการเข้าไปจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสำนักงานบัญชีทุกแห่ง เพราะถือว่าเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างกรมสรรพากรและประชาชนที่ว่าจ้างสำนักงานบัญชีให้จัดทำบัญชีเพื่อส่งให้กรมสรรพากร
โดยกรมสรรพากรมีวัตถุประสงค์ต้องการให้การจัดทำบัญชีให้ลูกค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายประมวลรัษฎากร เพื่อเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายทั้งผู้เสียภาษีและผู้จัดเก็บภาษี ส่วนวัตถุประสงค์รองลงมาคือการปราบปรามการทุจริตทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการสร้างรายจ่ายที่เป็นเท็จ การซื้อต่อใบกำกับภาษีจากที่อื่นมาหมุนเวียนใช้ในกิจการของตนเอง หรือใช้ใบกำกับภาษีปลอม เป็นต้น
"ที่สำคัญที่สุดคือคณะบุคคล ซึ่งจะดูรายคณะเลยว่า มีการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งคณะบุคคลหรือไม่ เป็นเงินรายได้ที่มาจากความสามารถของตนเอง หรือว่าต้องร่วมกันหลายคน โดยในส่วนของดารานั้น จะดูตามความเท็จจริงที่เกิดขึ้น หากได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งคณะบุคคลอย่างแท้จริง ก็จะยังให้ยื่นเสียภาษีในรูปแบบของคณะบุคคลได้อยู่"นายวินัยกล่าว