ผู้บริหาร ตลท.สั่งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน งัดมาตการเซอร์กิตเบรกเกอร์เข้าคุมการซื้อขายทันที หากดัชนีร่วงหนักเกิน 10% มั่นใจช่วงบ่ายดีขึ้น หลังการแถลงข่าว และนักลงทุนติดตาม-ตรวจสอบข่าวใกล้ชิดมากขึ้น พร้อมแฉต้นตอข่าวลือสุดชั่วช้า ไอ้โม่งจ้างสำนักข่าวบลูมเบิร์กวิเคราะห์มั่วทำลายสถาบัน โดยมีโบรกเกอร์ที่สิงคโปร์จุดชนวน ด้านภาวะหุ้นไทยช่วงบ่าย เปิดตลาดยังคงร่วงหนักกว่า 8%
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้นัดประชุมด่วนเพื่อรับมือสถานการณ์วิกฤตตลาดหุ้นไทย โดยเตรียมพร้อมใช้มาตรการพักการซื้อขายอัตโนมัติแบบชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) ออกมาใช้ทันที หากดัชนีร่วงเกิน 10% โดยที่ประชุมคาดว่า สถานการณ์ช่วงบ่าย ตลาดหุ้นน่าจะดีขึ้น หลังผู้บริหาร ตลท.แถลงข่าว และนักลงทุนติดตามข่าวใกล้ชิดมากขึ้น
นางภัทรียา เบญจพลชัย ผู้จัดการ ตลท.กล่าวในการแถลงข่าว โดยระบุว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นภาคเช้าปรับตัวลงไปแรงกว่า 5% หรือเกือบ 40 จุด เป็นผลมาจากการเทขายของนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เนื่องมาจากความกังวลในกระแสข่าวลือด้านลบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกอย่างมากทั้งนี้ จากการหารือกับโบรกเกอร์ต่างชาติที่ได้สอบถามจากลูกค้า พบว่านักลงทุนต่างชาติมีการเทขายหุ้นออกมาจากพอร์ต เพื่อลดความเสี่ยงจากความตื่นตกใจในระยะสั้น และบางส่วนก็ต้องการปรับพอร์ต หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างรุนแรงกว่า 65%
อย่างไรก็ตาม ตลท.อยากให้นักลงทุนติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดจากแถลงการณ์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ไม่ควรตื่นตระหนกกับกระแสข่าวลือ เพราะอาจทำให้เสียโอกาสในการลงทุนหรือตัดสินใจผิดพลาด เนื่องจากหากมองปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่จะมาทำให้กระแสการลงทุนเปลี่ยนทิศทางไป
ในขณะที่ระบบของ ตลท.ได้เตรียมพร้อมทุกด้านไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นระบบเซอร์กิต เบรกเกอร์ หรือการรองรับการส่งคำสั่งซื้อขายในปริมาณมากๆ ดังนั้น นักลงทุนไม่ต้องกังวลว่าระบบของ ตลท.จะรองรับไม่ได้ อย่างกรณีของเมื่อวานนี้ปริมาณการซื้อขายสูงถึง 4.4 หมื่นล้านบาท แต่ก็คิดเป็นแค่ 25% ของ capacity ระบบเท่านั้น
ทั้งนี้ ตลท.ก็ยังเชื่อว่าสถานการณ์ซื้อขายหุ้นในภาคบ่ายน่าจะดีขึ้นกว่าภาคเช้า หลังจากที่นักลงทุนได้ติดตามข่าวและรับข้อมูลต่างๆ มากขึ้น น่าจะทำให้การตัดสินใจมีความรอบคอบมากขึ้น รวมทั้งมีการเทขายหุ้นกันออกมามากแล้ว
“เมื่อตอนเช้าก็ขายกันมาเยอะ ช่วงบ่ายเมื่อนักลงทุนพิจารณาและได้รับข้อมูลที่มากขึ้นก็อาจจะทำให้นักลงทุนมีความรอบคอบในการตัดสินใจได้มากขึ้น เพราะการปรับตัวลดลงมาถือว่าผิดปกติ” นางภัทรียา กล่าว
นางภัทรียา ยังเปิดเผยว่า จากการเทขายหุ้นในช่วงเช้า ยังไม่เห็นการฟอร์สเซลที่ผิดปกติ เพราะปริมาณการปล่อยมาร์จิ้นของโบรกเกอร์ในช่วงที่ผ่านมาก็ไม่ได้สูงมาก โดยเฉพาะหุ้นตัวที่มีปัญหา ปกติโบรกเกอร์ก็ลดการให้มาร์จิ้นอยู่แล้ว
รายงานข่าวเพิ่มเติมถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นมีการปรับลดลงอย่างรุนแรงช่วง 2 วันนี้ ได้แก่ การเสนอข่าวของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ซึ่งรายงานการให้ความเห็นของนายเดวิด เหลียง นักค้าอาวุโสประจำบริษัทเฟิร์สต์สเตท อินเวสต์เมนต์ ในสิงคโปร์ ซึ่งให้ข่าวกับสำนักข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า ตลาดวิตกกังวลในพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่ กรรมการผู้จัดการ บล.ซิตี้คอร์ป (ประเทศไทย) และในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ ยังคงยืนยันว่า กระแสข่าวดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนถือโอกาสเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระแสข่าวนี้จะจริงหรือเปล่าไม่มีใครสามารถตอบได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ นักลงทุนใช้ปัจจัยลบนี้มาเป็นปัจจัยขายหุ้นออกมาจำนวนมาก และเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดบ้านเราเคลื่อนไหวสวนทางกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ต่างปรับตัวขึ้นกันทั่วหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเปิดตลาดช่วงบ่ายยังคงร่วงลงอย่างหนักกว่า 8% โดยเมื่อเวลา 14.42 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 670.88 จุด ลดลง 60.59 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -8.28% มูลค่าการซื้อขาย 33,693.86 ล้านบาท