เอเอฟพี - ด้วยแรงทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อวันพุธ (14) ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ ปิดเหนือระดับ 10,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบปีกว่า ท่ามกลางมุมมองที่สดใสจากผลประกอบการบริษัทต่างๆ และเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่ปัจจัยเหล่านี้ก็ช่วยผลักให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงกว่า 75 ดอลลาร์เป็นหนแรกในรอบปีเช่นกัน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 144.80 จุด (1.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 10,015.86 ทำ แนสแดค เพิ่มขึ้น 32.34 จุด (1.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,172.23 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 18.83 จุด (1.75 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,092.02 จุด
การดีดตัวขึ้นอย่างรุนแรงของวอลล์สตรีท ถูกจุดประกายโดยผลประกอบการช่วงไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งเกินความคาดหมายของอินเทล บริษัทชิปคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ของโลกและธนาคารเจพี มอร์แกน เชส
เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐฯเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ เผยกำไรไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 6.8 เท่า ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เนื่องจากรายได้จากตราสารหนี้ทะยานขึ้น
โดยกำไรปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.59 พันล้านดอลลาร์ หรือ 82 เซ็นต์ต่อหุ้น จากระดับ 527 ล้านดอลลาร์ หรือ 9 เซ็นต์ต่อหุ้น ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 51 เซ็นต์ต่อหุ้น
เจพีมอร์แกนเป็นธนาคารใหญ่รายแรกของสหรัฐที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ มีกำหนดการเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี(15) คาดว่ากำไรอาจสูงเกือบ 3 เท่าแตะ 2.4 พันล้านดอลลาร์ แต่ซิตี้กรุ๊ป ซึ่งมีกำหนดที่จะรายงานผลประกอบการวันเดียวกัน อาจขาดทุนถึง 2.55 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะนับเป็นไตรมาสที่ 6 ในรอบ 8 ไตรมาสที่ซิตี้กรุ๊ปไม่สามารถทำกำไรได้
ด้านราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กเมื่อวันพุธ(14) พุ่งขึ้นเหนือ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยนอกเหนือที่แรงขับจากวอลล์สตรีทแล้ว ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงด้วย
น้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน หลังจากช่วงหนึ่งของการซื้อขายพุ่งขึ้นไปถึง 75.40 ดอลลาร์ ขณะที่เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ ปิดที่ 73.10 ดอลลาร์
