ผู้ว่าการ รฟท.เร่งล้อมคอกปัญหารถไฟตกรางบ่อย เตรียมแก้ปัญหาฉพาะหน้าเร่งด่วน สั่งทบทวนทำประกันภัยบุคคลที่ 3 โดยจะเก็บเพิ่มจากค่าตั๋วโดยสาร 1 บาท/เที่ยว ส่วนการแก้ปัญหาโครงสร้าง เตรียมตั้งบอร์ดเฉพาะกิจสำรวจเส้นทางทั่วประเทศ รวมถึงสถานีและขบวนรถเพื่อของเงินสนับสนุน รมว.คมนาคม ยันไม่คิดปลดผู้บริหาร เพราะยังไม่เห็นความผิด ขณะที่ความเสียหายเบื้องต้นสูงกว่า 100 ล้านบาท
นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงกรณีรถไฟตกรางบริเวณสถานีเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยระว่า รฟท.จะต้องทบทวนเรื่องการทำประกันภัยบุคคลที่ 3 เพื่อให้ความคุ้มครองผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟ โดยจะเก็บค่าบริการเพิ่มจากค่าโดยสาร 1 บาทต่อเที่ยว พร้อมตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจสำรวจเส้นทางรถไฟทั่วประเทศ สถานี ขบวนรถ และหัวรถจักรที่ชำรุดและเสียหาย รวมทั้งปัญหาจุดตัดรถไฟทั่วประเทศ เพื่อประเมินวงเงินในการขอสนับสนุนจากรัฐบาล เตรียมเสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอบรรรจุพนักงานฝ่ายเดินรถเพิ่มอีก 171 ตำแหน่ง
ผู้ว่าการ รฟท.ยอมรับว่า ผลจากมติ ครม.เมื่อวันที่ 28 กรกำคม 2541 มีการจำกัดอัตรากำลังพลภาครัฐ ส่งผลให้พนักงานขับรถและฝ่ายช่างกลขณะนี้มีอยู่ประเภทละ 1,000 อัตรา ซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการจริง ซึ่งจะต้องมีประเภทละ 1,300 อัตรา ทำให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องทำงานล่วงเวลา บางรายต้องทำงานควบกะ ดังนั้น ในระยะเร่งด่วน รฟท.จะกำหนดระเบียบเพื่อระบุชั่วโมงในการพักผ่อนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
โดยวันนี้ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เรียกผู้ว่าการ รฟท. เข้าพบ เพื่อกำชับและให้นโยบาย รฟท. ให้เร่งรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องทั้งในส่วนของระบบว่ามีส่วนใดบ้างที่ต้องการการแก้ไขปรับปรุง และบุคลากรที่ต้องกลับไปรวบรวมข้อมูลชั่วโมงการทำงานของพนักงาน ว่า เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ แล้วให้ส่งข้อมูลเสนอมายังกระทรวง เพื่อพิจารณาภายในวันที่ 7 ตุลาคม 2552 (พรุ่งนี้) ก่อนที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกันอีกครั้ง
นายโสภณ กล่าวว่า จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจะต้องมีการสอบหาคนรับผิดชอบ โดยได้มีการคาดโทษผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกระดับตั้งแต่รัฐบาลไปจนถึงเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ว่าหากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้จะต้องรับผิดชอบ รวมถึงต้องทบทวนมติ ครม.เมื่อปี 2541 ที่มีการระบุว่าให้ รฟท. สามารถบรรจุพนักงานเข้าแทนที่พนักงานที่ลาออกหรือเกษียณอายุการทำงานได้เพียงร้อยละ 5 ซึ่งจากมติดังกล่าวส่งผลให้ รฟท. ประสบปัญหาการขาดแคลนพนักงาน ทั้งในส่วนของพนักงานขับรถ และพนักงานฝ่ายช่าง ที่ขณะนี้มีความต้องการพนักงานทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายละ 1,300 คน
โดยปัจจุบัน รฟท.มีพนักงานฝ่ายละ 1,000 คนเท่านั้น ทำให้พนักงาน มีชั่วโมงการทำงานหนักเกินกว่ารัฐวิสาหกิจอื่น ซึ่งแนวทางที่ รฟท.เสนอขอเพิ่มบุคลากร 171 คน จากนักเรียนวิศวกรรมการรถไฟที่จบการศึกษาแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ต้องเร่งพิจารณา รวมไปถึงการให้ รฟท.ทำประกันภัยบุคคลที่ 3 ก็ไม่ขัดข้อง
ขณะเดียวกัน รมว.คมนาคม ปฏิเสธข่าวการปลดผู้ว่าการ รฟท.ออกจากตำแหน่งจากกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีสิ่งใดชี้ชัดว่าเป็นความผิดของ ผู้ว่าการ รฟท. จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องปลดออกจากตำแหน่ง
โดยวันนี้ รฟท.ได้สรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ที่ประชุม ครม.รับทราบ พร้อมระบุสาเหตุอย่างไม่เป็นทางการเกิดจากข้อบกพร่องของอุปกรณ์และเครื่องมือ ซึ่งจะเร่งสรุปภายใน 5 วันตามกรอบที่กำหนดไว้ โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2552 ปรากฏว่าได้เกิดเหตุขบวนรถไฟ 6 ตู้ได้เกิดตกรางที่ ต.บางเลน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด แต่ทำให้ขบวนรถไฟในสายตะวันออกเฉียงเหนือตกค้างจำนวนมาก ก่อนที่จะมาเกิดเหตุซ้ำอีกในวันที่ 5 ตุลาคม ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ประเมินเบื้องต้นว่าจะเกิดความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หามาตรการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บและได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นเชิงมนุษยธรรมเป็นการเร่งด่วนที่สุด เบื้องต้นนายโสภณ ได้แสดงความจำนงที่จะช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยใช้เงินส่วนตัวครอบครัวละ 10,000 บาท รวมทั้งได้แสดงความคิดเห็นว่าการเสนอให้มีคนขับ 2 กะนั้น เชื่อว่าจะไม่ช่วยอะไรได้ เพราะเชื่อว่าพนักงานขับรถคงไม่นอน แต่จะคุยกันมากกว่าหากนั่งมาด้วยกัน แต่ควรใช้วิธีการสลับเปลี่ยนเมื่อถึงสถานีใดสถานีหนึ่งแล้วเท่านั้น เช่นเดียวกับที่ต่างประเทศดำเนินการ