ผู้บริหาร SVOA ตั้งเป้ารายได้ปี 53 โต 10% รับผลดีจากโครงการไทยเข้ม เตรียมเข็น 8 สินค้าใหม่ โน้ตบุ๊กในตระกูล Light & Thin ชิงส่วนแบ่งตลาดปีหน้า พร้อมคาดการณ์ตลาดคอมพิวเตอร์ 2.5 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งตลาดที่ 4%
นายวีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVOA คาดว่า รายได้ในปีนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน โดยเดิมบริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2551 ที่มีรายได้ 6.14 พันล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้คนชะลอตัดสินใจในการซื้อแต่การที่ภาครัฐมีมาตรการในการกระตุ้นโดยเฉพาะโครงการไทยเข้มแข็ง ทำให้บริษิทปรับรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่คงจะไปส่งผลอย่างมีนัยในปี 2553 จึงทำให้บริษัทมองการเติบโตในปี 2553 เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2552
ทั้งนี้ สำหรับโครงการไทยเข้มแข็งดังกล่าวบริษัทจะเข้าไปประมูลงานโครงการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่จะมีการเปิด TOR ในการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 8,000 โรงเรียน ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งโครงการนี้จะทยอยต่อเนื่อง 3 ปี คือ 2552-2554
ขณะเดียวกัน บริษัทจะมีการกระตุ้นตลาดโดยการออกโปรดักส์ใหม่จำนวน 8 รุ่นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊กในตระกูล Light & Thin ซึ่งจะเป็นโน้ตบุ๊กที่มีการดีไซน์และน้ำหนักเบา โดยคาดว่าจะมียอดขาย 1,000 เครื่องต่อเดือน
นอกจากนี้บริษัทจะขยายดีลเลอร์ในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น หลังจากที่อัตราการเติบโตในตลาดต่างจังหวัดเติบโตสูง ขณะที่ในกรุงเทพฯอิ่มตัว ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัด 70% กรุงเทพ 30% ขณะนี้อยู่ระหว่างการเพิ่มดีลเลอร์ในจ.แม่ฮ่องสอน ระยอง ร้อยเอ็ด เป็นต้น
สำหรับราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมามองว่าเกิดจากนโยบายไทยเข้มแข็งสนับสนุนและราคาหุ้นไทยต่ำมาก
นายวีระ กล่าวถึงภาพรวมของตลาดคอมพิวเตอร์ โดยเชื่อว่า จะอยู่ที่ 2.5 ล้านเครื่อง ซึ่งแบ่งเป็นโน้ตบุ๊ก 1.5 เครื่อง Desktop 1 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 4% และมองว่าการแข่งขันในปีหน้าจะรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องราคาและความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์
นายวีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) หรือ SVOA คาดว่า รายได้ในปีนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน โดยเดิมบริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2551 ที่มีรายได้ 6.14 พันล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลให้คนชะลอตัดสินใจในการซื้อแต่การที่ภาครัฐมีมาตรการในการกระตุ้นโดยเฉพาะโครงการไทยเข้มแข็ง ทำให้บริษิทปรับรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่คงจะไปส่งผลอย่างมีนัยในปี 2553 จึงทำให้บริษัทมองการเติบโตในปี 2553 เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2552
ทั้งนี้ สำหรับโครงการไทยเข้มแข็งดังกล่าวบริษัทจะเข้าไปประมูลงานโครงการสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่จะมีการเปิด TOR ในการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 8,000 โรงเรียน ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งโครงการนี้จะทยอยต่อเนื่อง 3 ปี คือ 2552-2554
ขณะเดียวกัน บริษัทจะมีการกระตุ้นตลาดโดยการออกโปรดักส์ใหม่จำนวน 8 รุ่นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งเป็นโน้ตบุ๊กในตระกูล Light & Thin ซึ่งจะเป็นโน้ตบุ๊กที่มีการดีไซน์และน้ำหนักเบา โดยคาดว่าจะมียอดขาย 1,000 เครื่องต่อเดือน
นอกจากนี้บริษัทจะขยายดีลเลอร์ในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น หลังจากที่อัตราการเติบโตในตลาดต่างจังหวัดเติบโตสูง ขณะที่ในกรุงเทพฯอิ่มตัว ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าต่างจังหวัด 70% กรุงเทพ 30% ขณะนี้อยู่ระหว่างการเพิ่มดีลเลอร์ในจ.แม่ฮ่องสอน ระยอง ร้อยเอ็ด เป็นต้น
สำหรับราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมามองว่าเกิดจากนโยบายไทยเข้มแข็งสนับสนุนและราคาหุ้นไทยต่ำมาก
นายวีระ กล่าวถึงภาพรวมของตลาดคอมพิวเตอร์ โดยเชื่อว่า จะอยู่ที่ 2.5 ล้านเครื่อง ซึ่งแบ่งเป็นโน้ตบุ๊ก 1.5 เครื่อง Desktop 1 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 4% และมองว่าการแข่งขันในปีหน้าจะรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องราคาและความสามารถของระบบคอมพิวเตอร์