xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : “คุกลับ…สื่อตะวันตก...ทักษิณ”!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอาบู ซูไบดา ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้ายในเครือข่ายอัลเคด้า ซึ่งวอชิงตันโพสต์ ระบุว่า ถูกคุมขังและทรมาณอยู่ในคุกลับของสหรัฐฯ ในไทย
อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน

อยู่ๆ รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ที่กำลังได้เครดิตจากการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม รมต.ต่างประเทศอาเซียน ที่ภูเก็ต และต้อนรับ นางฮิลลารี คลินตัน รมต.ต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ถูกสื่อตะวันตกทำให้รำคาญใจ ด้วยเรื่อง “คุกลับ” ที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องเก่า-เอามาเล่าใหม่ว่า ซีไอเอของสหรัฐฯ สร้างคุกลับไว้ในไทย เพื่อคุมขังและทรมานผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ...การจุดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นระยะๆ ของสื่อตะวันตก โดยเฉพาะครั้งล่าสุดนี้ ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่า นอกจากเป้าประสงค์ที่ต้องการดิสเครดิตประเทศไทย และรัฐบาลไทยแล้ว ยังน่าสงสัยด้วยว่า ผู้อยู่เบื้องหลังสื่อดังกล่าวคือใคร? มีส่วนสัมพันธ์กับ “ทักษิณ ชินวัตร” หรือไม่?

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ

เรื่อง “คุกลับ” กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ของสหรัฐฯ ฉบับวันที่ 19 ก.ค.2552 ตีพิมพ์บทความพิเศษ เรื่อง “รอยร้าวภายใน สู่วิถีการทรมาน” ซึ่งเขียนโดย โจบี วอร์ริก และ ปีเตอร์ ฟินน์ ผู้สื่อข่าวของวอชิงตันโพสต์ โดยระบุว่า สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ได้ส่งตัว นายอาบู ซูไบดา ชาวปาเลสไตน์เชื้อสายซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทางการสหรัฐฯ สงสัยว่า เป็นผู้ก่อการร้ายในเครือข่ายอัลกออิดะห์มาควบคุมตัวไว้ยังสถานที่ลับแห่งหนึ่งในไทย เมื่อปี 2545

วอชิงตันโพสต์ ยังอ้างด้วยว่า “นายอาบู ซูไบดา ถูกควบคุมอยู่ในคุกลับซีไอเอในไทย ถูกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ใช้ยาฆ่าเชื้อราดลงบนแผลที่เขาได้รับระหว่างถูกจับกุมตัวที่ปากีสถาน ส่งผลให้ต้องนำตัว นายอาบู ซูไบดา ไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ...”

เป็นที่น่าสังเกตว่า เรื่องคุกลับของสหรัฐฯ ในไทย ถูกจุดขึ้นในช่วงที่ไทยอยู่ระหว่างการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 ที่ จ.ภูเก็ต และ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เดินทางมาเยือนไทยด้วย ราวกับต้องการให้รัฐบาลไทยและนางฮิลลารี คลินตัน ต้องขายหน้า ไม่ว่าคุกลับในไทยจะมีจริงหรือไม่ก็ตาม

โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ตอบคำถามผู้สื่อข่าว โดยยืนยันว่า ไม่มีคุกลับในไทย และว่า “เป็นเรื่องเก่าที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2544-2545 ส่วนที่มาเกิดใหม่ในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาเยือนไทยนั้น เข้าใจว่า เป็นการตั้งคำถามถึงรัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯ และ นางฮิลลารี ที่เดินทางมาในภูมิภาคนี้”

ขณะที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ก็ปฏิเสธเช่นกัน โดยบอกว่า ได้พยายามตรวจสอบมาหลายครั้งแล้วตามที่เป็นข่าว แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีคุกลับในประเทศไทย

ด้าน นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย เชื่อว่า บทความเรื่องคุกลับในวอชิงตันโพสต์ น่าจะเกิดจากผู้ไม่หวังดีจ้างให้เขียน “เชื่อว่า เป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะไม่มีแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ดังนั้น ต้องถามว่าผู้เขียนมีวัตถุประสงค์อะไร เชื่อว่า เรื่องนี้อาจจะมีผู้ที่ไม่หวังดีต่อประเทศไทยว่าจ้างให้เขียน หรือจงใจที่จะดิสเครดิตประเทศไทย”

ขณะที่ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ถูกสื่อมวลชนถามถึงเรื่องคุกลับของสหรัฐฯ ในไทยเช่นกัน หลังเดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ของไทยเมื่อวันที่ 21 ก.ค.โดย นางฮิลลารี ปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าว “ไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ เพราะภารกิจการเดินทางมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ เพื่อแสวงหาความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชีย โดยถือว่าไทยเป็นพันธมิตรสำคัญ ซึ่งรัฐบาลนายโอบามา เองก็ยืนยันจุดยืนเรื่องการดูแลและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน และยอมรับความตกลงที่ไทย-สหรัฐฯ ทำไว้ร่วมกัน”

เป็นที่น่าสังเกตว่า เรื่องคุกลับไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยถูกจุดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้วโดยหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เมื่อปี 2548 ยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร โดย วอชิงตันโพสต์ เสนอข่าวว่า ซีไอเอของสหรัฐฯ ได้สร้างเครือข่ายคุกลับที่เรียกว่า “แบล็กไซต์” ไว้ใน 8 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรปตะวันออก รวมทั้งประเทศไทย เพื่อใช้เป็นที่กักขังผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ก่อการร้ายในกลุ่มอัลกออิดะห์ โดยในกรณีของประเทศไทย ถูกระบุว่า คุกนี้สร้างขึ้นเมื่อกลางปี 2545 และปิดลงเมื่อกลางปี 2546 หลังจากเรื่องแดงขึ้นมา โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่า สถานที่ตั้งสถานีวิทยุเสียงอเมริกา (Voice of America หรือ VOA) ที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี น่าจะเป็นที่ตั้งคุกลับนั้น

แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯ ในขณะนั้น ก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีคุกลับในไทยแต่อย่างใด “ประเทศไทยไม่ทราบในเรื่องนี้ เพราะเราไม่มีสถานกักกันลับหรือมีคุกลับ ที่ผ่านมาเราจับกุมผู้ก่อการร้าย คือ นายฮัมบาลี แกนนำคนสำคัญของกระบวนการก่อการร้ายได้เพียงคนเดียว และได้ส่งตัวให้กับทางการสหรัฐฯ แล้ว”

ด้าน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ในรัฐบาลทักษิณ ก็ยืนยันในขณะนั้นว่า ได้ตรวจสอบสถานีวิทยุ VOA กับผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้อำนวยการสถานีวิทยุดังกล่าวแล้ว ไม่มีคุกลับแต่อย่างใด “ยืนยันว่า ไม่มีอะไรผิดปกติ เครื่องวิทยุก็เป็นเครื่องส่งจริง สาเหตุที่ต้องใช้พื้นที่มากถึง 3,500 ไร่ ก็เพราะเป็นการกระจายเสียงระบบคลื่นสั้น จึงต้องใช้พื้นที่ในการวางเสาและตรึงเสารับ-ส่งสัญญาณที่มี 7 เครื่อง...”

ไม่ว่าคุกลับของสหรัฐฯ ในไทยจะมีจริงหรือไม่ และเหตุใดสื่อต่างประเทศอย่างวอชิงตันโพสต์จึงต้องจุดประเด็นเรื่องนี้เป็นระยะๆ ทั้งที่เคยมีความพยายามตรวจสอบเรื่องนี้กันไปแล้ว ลองมาฟังมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศ ว่าจะรู้สึกอย่างไรต่อข่าวเรื่องคุกลับในไทย

พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เผยกับวิทยุ ASTVผู้จัดการ โดยยืนยันว่า ถ้าในช่วงที่ตนเป็นเลขาธิการ สมช.ระหว่างปี 2534-2539 ไม่มีคุกลับในไทยแน่นอน พร้อมเชื่อว่า เรื่องคุกลับ เป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อต้องการดิสเครดิตประเทศไทยเท่านั้น

“เป็นเรื่องประหลาด ลองคิดดูว่า มาดามคลินตัน มาที่บ้านเราเนี่ย รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ มาที่บ้านเรา ซึ่งไม่ค่อยได้มา ก็น่าจะมาพูดในเรื่องที่ดีงามที่เป็นผลประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย เช่น สมมติว่า นี่ผมยกขึ้นมาเองนะ ผมไม่รู้ว่าเขาพูดจาอะไรกันบ้าง เช่น สมมติว่าเราส่งกุ้งออกปีละแสนตัน สมมตินะ เราอยากจะให้เขาซื้อกุ้งเราอีกปีละเป็น 1.5 แสนตัน อย่างนี้มันน่าจะพูดจากัน เขาลดภาษีให้เรามั้ย ไม่ใช่อยู่ๆ ไปถามว่า มีคุกลับอยู่ในบ้านเราหรือเปล่า ผมคิดว่าเป็นเรื่องของการดิสเครดิตประเทศไทย จะโดยใครก็แล้วแต่ และไม่มีเหตุผลที่น่าจะฟังได้ ถ้าหากว่ามีคุกลับอยู่ในประเทศไทย แล้วสื่อประเทศไทยไม่รู้ จะไปซุกซ่อนอยู่ที่ไหนในประเทศไทยนี่ โอ้! ผมว่ามหัศจรรย์มาก”

“(ถาม-ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ว่าหน่วยงานความมั่นคงจะไม่ทราบด้วยใช่มั้ย?) ไม่มีทางที่จะไม่รู้ 1.หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่มีทางที่จะไม่รู้ 2.ประชาชนของเราไม่ใช่คนโง่เง่าเต่าตุ่นนะ สื่อมวลชนของเราไม่ใช่ว่าไร้สมรรถภาพนะ เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้ผมถึงว่าเป็นเรื่องที่ cook upขึ้น แล้วก็มาถาม เอาตรงนี้ถามเอาตอนที่มาดามกระทรวงต่างประเทศของเขามาบ้านเรา ทำไมถึงต้องทำเวลานี้ ผมถึงบอกว่านี่เป็นเรื่องที่ cook up ขึ้นเพื่อดิสเครดิตประเทศไทย”


พล.อ.จรัล ยังบอกด้วยว่า การที่ นางฮิลลารี ไม่ตอบคำถามเรื่องคุกลับ ถือว่าเป็นท่าทีที่ถูกต้องแล้ว เพราะเป็นคำถามที่ประหลาดและไม่ได้เรื่อง และว่า จริงๆ แล้ว ในส่วนของรัฐบาลไทยก็ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามดังกล่าวเช่นกัน เพราะเรื่องคุกลับเป็นแค่เรื่องที่พูดขึ้นมาลอยๆ ซึ่งสื่อมวลชนไทยน่าจะศอกกลับสื่อต่างประเทศด้วยซ้ำที่กล่าวหาไทยเรื่องคุกลับ โดยไม่มีข้อมูลหลักฐาน

ส่วนกรณีที่เคยมีการตั้งข้อสงสัยว่า บริเวณสถานีวิทยุ VOA ของสหรัฐฯ ที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี อาจเป็นที่ตั้งคุกลับนั้น พล.อ.จรัล ข้องใจว่า ในเมื่อเคยตรวจสอบกันแล้ว เหตุใดสื่อต่างประเทศจึงยังไม่ยอมจบเรื่องนี้

“ตรงบ้านดุงเนี่ย นึกออกว่า มันก็คือ สถานีวิทยุ VOA มันตั้งทีหลังค่ายรามสูร สมัยสู้รบกับคอมมิวนิสต์น่ะ สมัยรบกันในเวียดนามน่ะ ค่ายรามสูรมาตั้งอยู่ที่อุดรฯ ใช่มั้ย เป็นค่ายใหญ่ของสหรัฐฯ คือ ประเทศไทยตอนนั้น เราไม่ยอมให้กองกำลังต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย เขามาตั้งอยู่ได้ในฐานะที่เป็น logistical base ไม่ใช่กองกำลัง logistical base นี่ก็มีอาหาร และมีสถานีวิทยุ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นสถานีวิทยุ VOA ทีนี้ในเมื่อไปดูกันแล้ว ก็แล้วไม่รู้จักแล้ว ประมาณ 2548 นี่ก็ฟาดเข้ามา 4 ปีแล้ว ก็แล้วไม่รู้จักแล้ว ก็ประหลาดอยู่ ผมเห็นประหลาดน่ะ ผมมองประเด็นที่คุณถามผมเนี่ยเป็นเรื่องประหลาด คือ เราต้องมีเหตุผลน่ะ ในเมื่อไปดูกันแล้ว รัฐบาลโน้นก็ไปตรวจกันแล้ว ถ้าเผื่อคิดว่ามันมีตรงโน้นตรงนี้ ก็ไม่กล้าบอกขึ้นมาไอ้คนให้ข่าวน่ะ ไม่กล้าบอกว่าอยู่ตรงไหนๆ นี่มันไม่มี ไม่รู้จะไปบอกที่ไหน ก็ cook up ขึ้นมาว่าอยู่ในประเทศไทย ประเทศไทยเนี่ย 5 แสนกว่าตารางกิโลเมตรนะ แล้วเขาจะไปบอกว่าอยู่ที่บ้านใครล่ะ เป็นเรื่องน่าขัน”

“(ถาม-เพราะฉะนั้นประเด็นนี้ก็อาจจะถูกนำขึ้นมาเพื่อดิสเครดิตประเทศไทยรัฐบาลไทยได้ตลอดเวลาในอนาคต?) เวลานี้ผมคิดว่าเป็นอย่างนั้น ด้วยเหตุที่ประเทศไทยเนี่ยเป็นประเทศที่มีอัธยาศัยดี โดยสันดานของคนไทย เป็นผู้ที่มีอัธยาศัยดี ใครเขาว่ายังไง ไม่จริง เราก็หัวเราะ ยิ้มสยามน่ะ และเราก็ไม่ได้คิดว่าจะไปฟ้องศาลโลกหรืออะไรที่ไหนว่า ฉันถูกกล่าวหานะ ไม่ได้คิดว่าสื่อต่างประเทศที่ลงข่าวอย่างนี้เนี่ย ต้องขอประทานโทษเถอะนะ ต้องเล่นงานมัน หรืออะไรอย่างนี้ เพราะคนไทยเราไม่ได้มีนิสัยเป็นอย่างนั้น ...ถ้าเผื่อเป็นบางประเทศเนี่ย เขาฟาดแหลกลาญแล้วนะ”


ด้านนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 5 พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา พูดถึงข่าวเรื่องคุกลับของสหรัฐฯ ในไทยว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ว่ามีจริงหรือไม่ และไม่มีหลักฐาน แต่ส่วนตัวแล้วมองว่า ตำรวจไทยเชี่ยวชาญเรื่องการทรมานคนอยู่แล้ว ดังนั้นจะมีการร่วมมือกับสหรัฐฯ ในเรื่องคุกลับหรือไม่ คงต้องไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณ

“มันคงมี list ออกมาไง ประเทศไทยอาจจะไปทำสัมปทานการทรมานกับเขาหรือยังไงก็ไม่ทราบสมัยคุณทักษิณ เขาอาจจะถนัดในเรื่องนี้ ใช่มั้ย ผมก็ไม่แน่ใจว่า แล้วผมก็ไม่มีหลักฐานว่ามันตั้งอยู่ที่ไหน มันอาจจะเอาเข้ามา 1-2 คน แล้วก็เอามาทรมาน ค่ายทหารหรือเซฟเฮาส์ตำรวจหรืออะไรก็ได้ โดยหลักฐานแล้ว เราไม่มีเลย แล้วมันก็ไม่ได้ list บอกมาว่า หน่วยไหนรับผิดชอบในเรื่องนี้ ใช่มั้ย ของประเทศไทย ไอ้ (วอชิงตัน) โพสต์น่ะ เพราะในข่าวมันกระจายไปที่ตุรกีก็มี ปากีสถานก็มี สิงคโปร์ ไทยอะไรทำนองนี้ เราก็ไม่รู้ว่าไอ้เรื่องทรมาณคนเนี่ย ผมคิดว่าของเราก็เชี่ยวชาญพอสมควรนะ (ถาม-เชี่ยวชาญในการทรมานเนี่ยนะ?) ฮะ เพราะผมก็เจอหลักฐานมาเยอะนะ โดยเฉพาะในกลุ่มแรกๆ ที่โดนเปิดโปงขึ้นมาโดย คุณสมชาย นีละไพจิตร น่ะ หลังจากนั้น ผมก็ลงไปภาคใต้ เจอบ่อยมาก (ถาม-มันจะสัมพันธ์กับเรื่องคุกลับเหรอ?) สัมพันธ์สิ เพราะถ้าเรามีวัฒนธรรมของการทรมานใช่มั้ย ซึ่งมันมีของเจ้าหน้าที่ไทยอยู่แล้วเนี่ย มันก็น่าสงสัยน่ะ เพราะอย่าลืมว่า ตำรวจไทยก็ทรมานนะตามโรงพักน่ะ ยังไม่ทันไรเลย ก็ทรมานแล้ว ให้รับสารภาพ รับสารภาพผิดสารภาพถูกอะไรอย่างนี้ เกิดขึ้นบ่อยมาก แต่หลักฐานจริงๆ ผมก็ไม่เห็นนะว่าเขาทำกันที่ไหน”

ด้านนายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทยหลายประเทศ ก็พูดถึงข่าวเรื่องคุกลับของสหรัฐฯ ในไทย ว่า ไม่กล้ายืนยันว่ามีจริงหรือไม่ เพราะไม่มีใครมีหลักฐาน และว่า ถ้าใครรู้ว่ามีคุกลับจริงก็คงไม่พูด เพราะตัวเองอาจจะเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตาม นายสุรพงษ์ ตั้งข้อสังเกตว่า สื่อต่างประเทศที่ออกมาประโคมข่าวเรื่องคุกลับอีกครั้งในช่วงนี้ เป็นสื่อตะวันตก ซึ่งมีบรรษัทข้ามชาติเป็นเจ้าของและอิงอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น โดยต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็น “ร่างทรงของทุนนิยมสามานย์” กลับประเทศไทย เพื่อที่บรรษัทเหล่านั้นจะได้กอบโกยผลประโยชน์จากไทยได้ง่าย

“ข่าว (เรื่องคุกลับ) ที่ออกมาช่วงนี้ ก็เพื่อดิสเครดิตรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เพราะในสายตาของต่างชาติ อย่างน้อยที่สุด จะชอบหรือไม่ชอบเนี่ย แต่ถ้ามีจิตใจเป็นปกติเนี่ย รัฐบาลต่างชาติไม่ว่าของประเทศไหนในโลกนี้ ย่อมมองว่ารัฐบาลคุณอภิสิทธิ์นี่ อย่างน้อยในเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น ยังไม่แปดเปื้อนด้านนี้เลย ไม่มีประวัติเรื่องการฆ่าตัดตอน การละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่มีกรือเซะ ไม่มีตากใบ ไม่มีการฆ่าตัดตอนอะไร เพราะฉะนั้นผมก็คิดว่า เขาจงใจมาถามคุณกษิตและถามคนอื่นในเรื่องคุกนรกในช่วงนี้ทั้งๆ ที่มันเป็นข่าวมาแล้วตั้ง 2 ปีกว่ามาแล้วครั้งหนึ่งแล้ว ก็เพื่อหวังจะทำลายภาพพจน์ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์แน่นอน”

“และอย่าลืมนะที่ผมพูดอย่างนี้เนี่ย อันนี้ผมกล้าพูดได้ เพราะหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของประเทศตะวันตก ไม่ว่าจะ ไทมส์, นิวสวีค, วอชิงตัน โพสต์, นิวยอร์ก ไทมส์, อินเตอร์เนชั่นแนล เฮรัลด์ ทรีบูน หรือ ไฟแนนเชียล ไทมส์ หรือ ดิ อีโคโนมิสต์ หรือ ไทมส์ ออฟ ลอนดอน และหนังสือตะวันตกอีกหลายฉบับ 90% เนี่ยเจ้าของมัน ก็คือ พวกบรรษัทข้ามชาติ ทุนนิยมผูกขาดของโลกทั้งนั้น ก็คือ ของประเทศตะวันตกทั้งนั้น เพราะฉะนั้นพวกนี้เนี่ยระยะหลังเราจะเห็นว่า บรรษัทข้ามชาติหรือที่เรียกว่า จุดศูนย์กลางเขาก็วอลล์สตรีทเนี่ย พวกบรรษัทข้ามชาติเนี่ย ตะวันตกเนี่ย เขายังต้องการคุณทักษิณกลับมาเป็นใหญ่ในประเทศไทย เพราะเขาถือว่าคุณทักษิณเป็นร่างทรงของทุนนิยมสามานย์เลย ถ้าคุณทักษิณอยู่เนี่ย การแปรรูปทั้งหลายก็จะเกิดได้ง่ายขึ้น การเทกโอเวอร์โดยบริษัทข้ามชาติ มาเทกโอเวอร์เศรษฐกิจไทยในด้านต่างๆ ก็จะทำได้ง่าย เพราะคุณทักษิณมีนโยบายด้านนี้อยู่แล้ว และพร้อมให้ความร่วมมือกับบริษัทข้ามชาติตะวันตกอยู่แล้ว”

“เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่าในด้านรัฐบาลของประเทศตะวันตกเดี๋ยวนี้เนี่ย จะไม่ค่อยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล คุณอภิสิทธิ์ โดยภาพบางประเทศแสดงความเข้าอกเข้าใจมากขึ้นด้วยซ้ำไป แต่จะไม่วิพากษ์วิจารณ์ในทางลบแล้ว ไม่เหมือนกับเมื่อสมัยรัฐบาลนายกฯ สุรยุทธ์ ตอนนั้นหลังการรัฐประหารใช่มั้ย ทั้งรัฐบาลและทั้งภาคเอกชน คือ บรรษัทข้ามชาติประเทศตะวันตกเนี่ย กระหน่ำเต็มที่เลย เพราะต้องการคุณทักษิณกลับมาอย่างเดียว เพราะเขารู้ว่าผลประโยชน์ของเขาจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และเขาจะหากินกับระบอบทักษิณได้อย่างดี อย่างคล่องตัวมากกว่ารัฐบาลชุดนี้ แต่บัดนี้ ในด้านรัฐบาล สังเกตดูท่าทีของรัฐบาลประเทศตะวันตกเนี่ย ตั้งแต่สหรัฐฯ ประเทศอียู ไม่วิจารณ์รัฐบาลไทยแล้ว แต่แสดงความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น และทำความเข้าใจมากขึ้น แต่วงการธุรกิจของประเทศตะวันตก บริษัทยักษ์ใหญ่ บริษัทข้ามชาติต่างๆ ที่เจ้าของเป็นนักธุรกิจฝ่ายตะวันตกเนี่ย พวกนี้เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น พวกนี้ก็ยังใฝ่ฝันให้คุณทักษิณกลับมา เพราะฉะนั้นคำถามที่เขายิงเรื่องนี้ก็มาจากหนังสือพิมพ์และนักข่าวของหนังสือพิมพ์ที่อิงอยู่กับบรรษัทข้ามชาติทั้งนั้น”


นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทย ยังมั่นใจด้วยว่า เรื่องคุกลับจะไม่บานปลาย เพราะเมื่อรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ มั่นใจว่า ไม่มีคุกลับในไทย ก็ต้องบอกว่า ไม่มี ถ้าสื่อตะวันตกแย้งว่า มี ก็ให้พิสูจน์มา ซึ่งคงต้องถามกลับไปว่า ถ้ามีคุกลับในไทยจริง แล้วมีในสมัยใคร ซึ่งตนมั่นใจว่า มีในสมัยรัฐบาลทักษิณ และสื่อตะวันตกก็น่าจะทราบดีเช่นกันว่ามีในสมัยทักษิณ ดังนั้น สื่อตะวันตกย่อมไม่กล้าพิสูจน์เรื่องนี้แน่ เพราะจะเท่ากับทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ และปิดโอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้กลับประเทศไทยเพื่อสานต่อทุนนิยมสามานย์อีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ สื่อตะวันตกภายใต้บรรษัทข้ามชาติย่อมไม่ทำอะไรที่เป็นการ “ทุบหม้อข้าว” ตัวเองแน่นอน!!
นายอับเดอร์ อัล ราฮิม อัล นาชิรี อีก 1 ผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย ที่ถูกระบุว่า ถูกทรมาณอยู่ในคุกลับในไทยเช่นกัน
1 ในภาพผู้ต้องสงสัยก่อการร้าย ที่สื่อตะวันตกอ้างว่าถูกทรมาณในคุกลับของสหรัฐฯ ในไทย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ยืนยันไม่มีคุกลับในไทย
ฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่ขอพูดถึงเรื่องคุกลับ เพราะไม่ใช่ภารกิจในการเยือนไทย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยปฏิเสธเมื่อปี 2548 ว่าไม่มีคุกลับในไทยเช่นกัน
พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ชี้ เรื่องคุกลับ เป็นข่าวที่กุขึ้นเพื่อดิสเครดิตประเทศไทย
ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีต ปธ.คณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภา บอก คุกลับในไทยมีหรือไม่ ต้องไปถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
สุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทย ชี้ สื่อตะวันตก มักเชื่อมโยงกับบรรษัทข้ามชาติที่แอบอิงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น