xs
xsm
sm
md
lg

ผ่ารายงาน World Economic Outlook ไอเอ็มเอฟ เตือน ศก.โลก ระวังดาบ 2 คม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไอเอ็มเอฟ เผยรายงานชุดใหม่ World Economic Outlook เพิ่มคาดการณ์ ศก.โลก ปี 53 ขยายตัว 3.1% โดยมีความแข็งแกร่งของ ศก.จีน-อินเดีย เป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญ พร้อมเตือนรัฐบาลกลางทั่วโลก อย่าหยุดใช้มาตรการกระตุ้น ศก.เพราะการฟื้นตัวยังคงเปราะบาง ขณะที่ยอดขาดดุลทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลปั๊มงบประมาณจำนวนมากอัดฉีดลงในระบบ ขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังผลกระทบจากการอัดฉีดยางแรงเกินไป และการมองผลลัพท์ที่เป็นบวกเกินไปด้วย

สำนักข่าวเอพี เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยรายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกชุดใหม่ (World Economic Outlook) ภายใต้สมมุติฐานตัวแปรล่าสุด โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกมีโอกาสจะฟื้นตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ในเบื้องต้น พร้ออมส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลทั่วโลก ควรใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างระมัดระวัง และไม่ควรยุติการใช้มาตรการที่แรงและเร็วเกินไป

รายงาน World Economic Outlook ระบุว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัว 3.1% ในปี พ.ศ.2553 ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.1% เพราะความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนและอินเดียจะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนเศรษฐกิจโลก ส่วนในปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลงเพียง 1.1% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัว 1.4%

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟ แสดงความมั่นใจว่า ภาวะขาลงของเศรษฐกิจโลกกำ ลังทุเลาลง แม้อัตราว่างงานยังคงพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะภาคการผลิตทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟเตือนว่า รัฐบาลทั่วโลกยังไม่ควรยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไปยังคงเปราะบาง และยอดขาดดุลทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลใช้งบประมาณไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก

นายโอลิวิเอร์ บลองชาร์ด ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกเริ่มเป็นบวกมากขึ้น โดยเฉพาะฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่นที่หลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะอุตสาหกรรมส่งออกของทั้ง 3 ประเทศฟื้นตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้ดีมานด์สินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การที่รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการกู้วิกฤตในภาคธนาคารและการเงิน รวมทั้งคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ ยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายอีกหลายด้านในปีหน้า ซึ่งหนึ่งในปัญหาเหล่านี้คือการที่รัฐบาลมีมุมมองที่เป็นบวกมากเกินความเป็นจริง จนเป็นเหตุให้ตัดสินใจใช้มาตรการล่าช้า ส่วนปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ คือภาวะดีมานด์อ่อนแอของชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ รวมถึงสหรัฐ ยุโรปตะวันตก และญี่ปุ่น

นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจกลายเป็นดาบสองคม เพราะอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและหนี้สินของรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้นได้ แต่หากยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วเกินไป ภาคการเงินก็จะอ่อนแอและอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ

รายงานฉบับดังกล่าว ยังระบุว่า ไอเอ็มเอฟได้ให้แนะนำประเทศทั่วโลกว่า เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวเหมือนกับในช่วงทศวรรษที่ 1930 รัฐบาลควรริเริ่มโครงการระยะยาวและระยะสั้นเพื่อกระตุ้นอัตราการอุปโภคบริโภคและการลงทุน ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้จะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน ส่วนประเทศที่มียอดเกินดุลการค้ามากเกินไป ซึ่งอาจเป็นผลมาจากยอดส่งออกที่มีมากกว่ายอดนำเข้า ก็ควรปรับยุทธศาสตร์ด้านการค้าแบบใหม่ด้วยการกระตุ้นอัตราการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ เพื่อให้ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างสอดคล้องกับยอดส่งออก
กำลังโหลดความคิดเห็น