"เอเชีย กรีน "เผย ไตรมาส3/52 มาร์จิ้นหด คาดเฉลี่ยปีนี้ 2% จากปีก่อน 18-19% เหตุการแข่งขันรุนแรง ราคาถ่านหินลดลง เชื่อไตรมาส4/52 ปรับตัวดีขึ้น ผู้บริหาร ลั่นแม้กำไรลด แต่ยังคงนโยบายปันผลให้กับนักลงทุนอัตราเท่าเดิมและประคองรายได้รวมให้ใกล้เคียงปีก่อน
นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน)หรือ AGE เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้จากการขายสินค้าไตรมาส 3/52 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาส 2/52 ที่มีรายได้จากการขายสินค้า 430 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 15.58 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าของบริษัทมีการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น และคำสั่งซื้อสินค้านั้นยังต่อเนื่องไปถึงไตรมาส1/53 ประกอบกับบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มเข้ามาและจะส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส4/52 ปรับตัวเพิ่มขึ้นดีกว่าไตรมาส3/52 ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 500,000 ตัน จากครึ่งปีแรกที่มียอดขาย 4 แสนตัน
ทั้งนี้ จากภาวะการแข่งขันสูงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ลดลงในช่วงไตรมาส3/52 และราคาถ่านหินปรับตัวลดลงเฉลี่ย 60 เหรียญสหรัฐต่อตัน ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับกว่า 70 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่คาดว่ามาร์จิ้นในช่วงไตรมาส4/52 จะปรับตัวดีขึ้น จากการแข่งขันลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการรายเล็กเลิกประกอบกิจการจากขาดทุน โดยบริษัทคาดว่ามาร์จิ้นปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 2% ลดลงจากปีก่อนที่มี 18-19% ซึ่งบริษัทจะพยายามทำให้ผลประกอบการปีนี้ของบริษัทไกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,358.59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 123.67 ล้านบาท
" รายได้ปีนี้ของบริษัทคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่จากมาร์จิ้นที่ปรับตัวลดลง ซึ่งพบว่ามาร์จิ้นปรับตัวลดลงต่ำสุดคือ ในไตรมาส 3 แต่เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส4/52 เนื่้องจากคำสั่งซื้อสินค้าที่เข้ามาและการแข่งขันไม่รุนแรง แม้ว่ามาร์จิ้นลดลง แต่บริษัทยังคงจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนตามนโยบายเหมือนเดิม แต่อาจจะจ่ายต่ำลง เนื่องจากกำไรลดลง " นายสมนึกกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีรายได้ใกล้เคียงปีก่อน แต่ในส่วนมาร์จิ้นปรับลดลงนั้น แต่บริษัทยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราเท่าเดิมคือ 40% ของกำไรสุทธิให้กับนักลงทุน บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปเรื่องการหาแหล่งถ่านหินเพิ่มอีก 2-3 แห่ง ภายในปีนี้ถึงต้นปีหน้า จากปัจจุบันมีอยู่ 5-6 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็จะทำให้สามารถต่อรองราคาในการสั่งซื้อถ่านหินได้ดีขึ้น และทำให้ต้นทุนปรับลดลง
นายสมยศกล่าวว่าบริษัทคาดว่าปี 53 จะใช้เม็ดเงินลงทุนสูงกว่าปีนี้และปีที่ผ่านมาที่ใช้ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการลงทุนปีหน้าได้ โดยเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินและจากส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีกว่า 400 ล้านบาท และปีนี้บริษัทจะไม่ลงทุนเพิ่มแล้วหลังจากที่ได้ลงทุนสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดชลบุรีไปแล้ว
นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน)หรือ AGE เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้จากการขายสินค้าไตรมาส 3/52 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาส 2/52 ที่มีรายได้จากการขายสินค้า 430 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 15.58 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าของบริษัทมีการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น และคำสั่งซื้อสินค้านั้นยังต่อเนื่องไปถึงไตรมาส1/53 ประกอบกับบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มเข้ามาและจะส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส4/52 ปรับตัวเพิ่มขึ้นดีกว่าไตรมาส3/52 ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 500,000 ตัน จากครึ่งปีแรกที่มียอดขาย 4 แสนตัน
ทั้งนี้ จากภาวะการแข่งขันสูงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ลดลงในช่วงไตรมาส3/52 และราคาถ่านหินปรับตัวลดลงเฉลี่ย 60 เหรียญสหรัฐต่อตัน ต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับกว่า 70 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่คาดว่ามาร์จิ้นในช่วงไตรมาส4/52 จะปรับตัวดีขึ้น จากการแข่งขันลดลง เนื่องจากผู้ประกอบการรายเล็กเลิกประกอบกิจการจากขาดทุน โดยบริษัทคาดว่ามาร์จิ้นปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 2% ลดลงจากปีก่อนที่มี 18-19% ซึ่งบริษัทจะพยายามทำให้ผลประกอบการปีนี้ของบริษัทไกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,358.59 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 123.67 ล้านบาท
" รายได้ปีนี้ของบริษัทคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่จากมาร์จิ้นที่ปรับตัวลดลง ซึ่งพบว่ามาร์จิ้นปรับตัวลดลงต่ำสุดคือ ในไตรมาส 3 แต่เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส4/52 เนื่้องจากคำสั่งซื้อสินค้าที่เข้ามาและการแข่งขันไม่รุนแรง แม้ว่ามาร์จิ้นลดลง แต่บริษัทยังคงจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนตามนโยบายเหมือนเดิม แต่อาจจะจ่ายต่ำลง เนื่องจากกำไรลดลง " นายสมนึกกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีรายได้ใกล้เคียงปีก่อน แต่ในส่วนมาร์จิ้นปรับลดลงนั้น แต่บริษัทยังคงนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราเท่าเดิมคือ 40% ของกำไรสุทธิให้กับนักลงทุน บริษัทคาดว่าจะสามารถสรุปเรื่องการหาแหล่งถ่านหินเพิ่มอีก 2-3 แห่ง ภายในปีนี้ถึงต้นปีหน้า จากปัจจุบันมีอยู่ 5-6 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งก็จะทำให้สามารถต่อรองราคาในการสั่งซื้อถ่านหินได้ดีขึ้น และทำให้ต้นทุนปรับลดลง
นายสมยศกล่าวว่าบริษัทคาดว่าปี 53 จะใช้เม็ดเงินลงทุนสูงกว่าปีนี้และปีที่ผ่านมาที่ใช้ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการลงทุนปีหน้าได้ โดยเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินและจากส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีกว่า 400 ล้านบาท และปีนี้บริษัทจะไม่ลงทุนเพิ่มแล้วหลังจากที่ได้ลงทุนสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดชลบุรีไปแล้ว