ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ แจง ตลาดหุ้นไทยขึ้นแรง 70 จุด ภายใน 1 เดือน ยังไม่เกิดฟองสบู่ พร้อมเตือนนักลงทุนระมัดระวังการลงทุน เลือกลงทุนในหุ้นราคาถูกที่มีอีก 200 ตัว ซึ่งราคายังต่ำกว่าบุ๊กแวลู
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามา แต่ยังไม่ทำให้ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แตก เพราะ ดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 จุด จาก 660 จุด มาอยู่ที่ระดับ 728 จุด ในช่วง 1 เดือน ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง แต่ก็ยังไม่เท่ากับช่วงที่หุ้นปรับตัวลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะต้องระมัดระวังในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้วยตัวเอง และลงทุนผ่านกองทุนรวม แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง แต่ยังมีหุ้นไทยอีก 200 บริษัทที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (บุ๊กแวลู) จึงควรมีการเลือกการลงทุนในหุ้นที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก และนักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส4/52 ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ปัญหาทางการเมืองให้ไปในทิศทางที่ไม่เกิดความแตกแยก และใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวมากขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีการใช้เงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโตจำนวนมาก และหากสามารถที่จะกระจายเม็ดเงินดังกล่าวให้ไปสู่รากหญ้าซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายได้ เศรษฐกิจของไทยจะมีการฟื้นตัวได้ ทำให้การส่งออก ราคาสินค้าเกษตรมีการปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ ดังนั้นหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยคงไม่ปรับตัวลดลงแย่กว่าปัจจุบัน
นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามา แต่ยังไม่ทำให้ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แตก เพราะ ดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 จุด จาก 660 จุด มาอยู่ที่ระดับ 728 จุด ในช่วง 1 เดือน ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง แต่ก็ยังไม่เท่ากับช่วงที่หุ้นปรับตัวลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะต้องระมัดระวังในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้วยตัวเอง และลงทุนผ่านกองทุนรวม แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง แต่ยังมีหุ้นไทยอีก 200 บริษัทที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (บุ๊กแวลู) จึงควรมีการเลือกการลงทุนในหุ้นที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก และนักลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส4/52 ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ปัญหาทางการเมืองให้ไปในทิศทางที่ไม่เกิดความแตกแยก และใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวมากขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีการใช้เงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการเติบโตจำนวนมาก และหากสามารถที่จะกระจายเม็ดเงินดังกล่าวให้ไปสู่รากหญ้าซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายได้ เศรษฐกิจของไทยจะมีการฟื้นตัวได้ ทำให้การส่งออก ราคาสินค้าเกษตรมีการปรับตัวดีขึ้นในปีนี้ ดังนั้นหากไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยคงไม่ปรับตัวลดลงแย่กว่าปัจจุบัน
