“ณรงค์ชัย” ชี้ ศก.ไทยฟื้นตัวได้ เพราะอานิสงส์ ดบ.ต่ำ ไม่ใช่มาตรการกระตุ้น ศก.ของรัฐบาล เพราะเม็ดเงินก้อนแรก 1 แสนล้าน ถือว่าน้อยมาก หากเทียบกับรายได้ประชาชาติ 9 ล้านล้านบาท แถมยังเบิกจ่ายช้า-ไร้ประสิทธิภาพ พร้อมยกวิกฤตปี 40 ธุรกิจตายเป็นเบือเพราะ ดบ.สูงถึง 10%
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด กล่าวถึงอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ โดยคาดว่า จะติดลบร้อยละ 4 และการที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นมา เกิดจากจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ต้นทุนเอกชนลดลง ไม่ใช่แผนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเข้มแข็งของรัฐบาล
นายณรงค์ชัย กล่าวว่า การที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวไม่ใช่เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เพราะมาตรการรัฐบาลดำเนินการล่าช้า โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณ ทำให้มีผลแค่ประคองเศรษฐกิจ และยังติดปัญหาทางการเมือง ทำให้เม็ดเงินที่จะออกสู่ระบบชะลอออกไป
“เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจระยะแรกประมาณ 100,000 ล้านบาท ถือว่าน้อยมาก หากเทียบกับรายได้ประชาชาติ 9 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม แต่ควรเร่งมาตรการที่ออกมาแล้วให้มีประสิทธิภาพ เบิกจ่ายงบเร็ว เร่งกระตุ้นการลงทุนทั้งจากภาครัฐและเอกชน”
นายณรงค์ชัย ยืนยันว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นตัวช่วยเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ที่แท้จริง หากดอกเบี้ยสูงขึ้นเมื่อไร ประเทศไทยคงพบวิกฤตเศรษฐกิจชัดเจน พร้อมระบุว่า ดอกเบี้ยต่ำทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่อยู่รอด แตกต่างจากวิกฤตปี 2540 ซึ่งดอกเบี้ยสูงเกินร้อยละ 10 ทำให้ธุรกิจตายเป็นเบือ
ประธานกรรมการ บลจ. เอ็มเอฟซี กล่าวถึงแนวโน้มดอกเบี้ยปี 2553 โดยคาดว่าจะขยับขึ้นเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.25-0.50 ซึ่งคงไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก เพราะสภาพคล่องในระบบยังเหลือมาก
