ซีบี ริชาร์ดฯเผยข้อมูลลูกค้าต่างชาติลดการลงทุนซื้ออสังหาฯเกือบเท่าตัว 34% ในปี 51 เหลือเพียง 16%เฉพาะไตรมาสแรกปี 52 ชี้สัดส่วนซื้อคอนโดฯเพื่อลงทุนลดเหลือ 18% แต่เพื่ออยู่อาศัยพุ่งเพิ่มเป็น 64% เผยนักลงทุนสิงคโปร์เริ่มกลับเข้าไทย หลังแนวโน้มเศรษฐกิจในเอเชียฟื้นเร็วกว่ายุโรป สหรัฐฯ
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาว่า ได้ส่งผลให้ผู้ซื้อชาวต่างชาติชะลอการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยลงเกือบเท่าตัว กล่าวคือ ในปี 2551 ที่ผ่านมา สัดส่วนผู้ซื้อที่เป็นคนต่างชาติสูงถึง 34% และคนไทย 66% แต่ปรากฎว่าเพียงในไตรมาส 1 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนของชาวต่างชาติหดตัวลงเหลือ 16% และคนไทย 84%
นอกจากนี้ โครงสร้างผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในปีนี้ ยังเกิดเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยการซื้อคอนโดฯ ในปีนี้เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเป็นหลักมากกว่าเพื่อการลงทุน แตกต่างจากปีก่อนหน้านี้ที่การซื้อคอนโดฯ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อลงทุน โดยสัดส่วนการซื้อเพื่อลงทุนในปีนี้ลดเหลือ 18% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 47% ส่วนซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง เพิ่มเป็น 64% ในปีนี้ จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 35% สำหรับการซื้อคอนโดฯ เป็นบ้านหลังที่สองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 18% ในปีนี้ จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 14%
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ซื้อที่น่าจับตามองในตลาดคอนโดฯระดับไฮเอนด์ คือ กลุ่มผู้ซื้อชาวสิงคโปร์เริ่มกลับมาซื้ออสังหาฯ ในไทยมากขึ้น โดยในปี 2551 ตลาดต่างชาติหลักๆ คือ ชาวอังกฤษ มีสัดส่วน 15% , อเมริกา 13% ,สิงคโปร์ 11% ,ฮ่องกง 5% และออสเตรเลีย-เกาหลี 4% แต่ปีนี้ กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เป็นชาวสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นเป็น 23% ,ชาวอังกฤษ 15% ,อิตาลี ญี่ปุ่น อเมริกา เกาหลี เลบานอน และชาวสวิตเซอร์แลนด์ 8%
จะเห็นได้ว่า กลุ่มต่างชาติที่เป็นยุโรป อเมริกาลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ชาวสิงคโปร์กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ โดยหากนำตัวเลขไปวิเคราะห์รวมกับผู้ซื้อคนไทยด้วยนั้น ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ คนไทย มีสัดส่วนอยู่ที่ 43% คนสิงคโปร์ มีสัดส่วนอยู่ที่ 29%
“เศรษฐกิจในเอเชียฟื้นตัวเร็วกว่ายุโรป และพอสิงคโปร์เริ่มฟื้นตัวไม่นาน กลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อม ก็รีบฉวยจังหวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากนัก กว้านซื้ออสังหาฯ เพราะคนกลุ่มนี้มองว่า จังหวะนี้เป็นโอกาสที่จะซื้อของได้ถูก”
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและปัญหาทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาว่า ได้ส่งผลให้ผู้ซื้อชาวต่างชาติชะลอการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยลงเกือบเท่าตัว กล่าวคือ ในปี 2551 ที่ผ่านมา สัดส่วนผู้ซื้อที่เป็นคนต่างชาติสูงถึง 34% และคนไทย 66% แต่ปรากฎว่าเพียงในไตรมาส 1 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนของชาวต่างชาติหดตัวลงเหลือ 16% และคนไทย 84%
นอกจากนี้ โครงสร้างผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในปีนี้ ยังเกิดเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด โดยการซื้อคอนโดฯ ในปีนี้เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเป็นหลักมากกว่าเพื่อการลงทุน แตกต่างจากปีก่อนหน้านี้ที่การซื้อคอนโดฯ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อลงทุน โดยสัดส่วนการซื้อเพื่อลงทุนในปีนี้ลดเหลือ 18% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 47% ส่วนซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง เพิ่มเป็น 64% ในปีนี้ จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 35% สำหรับการซื้อคอนโดฯ เป็นบ้านหลังที่สองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็น 18% ในปีนี้ จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 14%
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้ซื้อที่น่าจับตามองในตลาดคอนโดฯระดับไฮเอนด์ คือ กลุ่มผู้ซื้อชาวสิงคโปร์เริ่มกลับมาซื้ออสังหาฯ ในไทยมากขึ้น โดยในปี 2551 ตลาดต่างชาติหลักๆ คือ ชาวอังกฤษ มีสัดส่วน 15% , อเมริกา 13% ,สิงคโปร์ 11% ,ฮ่องกง 5% และออสเตรเลีย-เกาหลี 4% แต่ปีนี้ กลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติที่เป็นชาวสิงคโปร์ เพิ่มขึ้นเป็น 23% ,ชาวอังกฤษ 15% ,อิตาลี ญี่ปุ่น อเมริกา เกาหลี เลบานอน และชาวสวิตเซอร์แลนด์ 8%
จะเห็นได้ว่า กลุ่มต่างชาติที่เป็นยุโรป อเมริกาลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ชาวสิงคโปร์กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ โดยหากนำตัวเลขไปวิเคราะห์รวมกับผู้ซื้อคนไทยด้วยนั้น ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ คนไทย มีสัดส่วนอยู่ที่ 43% คนสิงคโปร์ มีสัดส่วนอยู่ที่ 29%
“เศรษฐกิจในเอเชียฟื้นตัวเร็วกว่ายุโรป และพอสิงคโปร์เริ่มฟื้นตัวไม่นาน กลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อม ก็รีบฉวยจังหวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากนัก กว้านซื้ออสังหาฯ เพราะคนกลุ่มนี้มองว่า จังหวะนี้เป็นโอกาสที่จะซื้อของได้ถูก”
