ภาพรวม 6 เดือนแรก “โกลด์ ฟิวเจอร์ส” เวิร์กโตประมาณ 45% นักลงทุน-ร้านทองแห่เข้าเทรด ดันวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยต่อวันแตะ 500 สัญญา อีกทั้งบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โบรกฯมั่นใจ DW ไม่ฉุดวอลุ่มหาย คาดปัจจุบันสัดส่วนลูกค้า บล.-โบรกฯทอง ใกล้เคียงกัน 50:50 ส่วนกรณีปรับลดน้ำหนักสัญญายังไรข้อสรุป เช่นเดียวกับเทรด 24 ชม.
นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิชผู้ช่วยผู้อำนวยการ ทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (โกลด์ ฟิวเจอร์ส) ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ก.พ.-ก.ค.) ว่า นับเป็นอีกเครื่องมือทางการลงทุนที่ได้รับการตอบรับจากนักลงเป็นอย่างดี ซึ่งตั้งแต่เดือนกุมพาพันธ์ 2552 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX เปิดให้มีการซื้อขายพบว่าปัจจุบัน มีวอลุ่มเฉลี่ยประมาณ 600-700 สัญญา/วัน โดยมีการเติบขึ้นจากเดือนแรกประมาณ 45%
โดยปริมาณสัญญาซื้อขายที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่วนใหญ่มาจากบรรดาร้านทองทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่เริ่มรู้จัก โกลด์ ฟิวเจอร์ส มากขึ้น และหันมาใช้สัญญาดังกล่าวในการป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเฉพาะการรับซื้อทองคำหน้าร้านมากขึ้น รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำโลก
ขณะเดียวกัน อีกส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนหน้าใหม่ ซึ่งไม่ใช่ผู้ลงทุนในตลลาดหุ้นประจำ หันมาให้ความสนใจลงทุนในด้านนี้มากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และมีโอกาสศึกษาการลงทุนในอนุพันธ์เพิ่มเติม เพราะเท่าที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าที่เปิดบัญชีกับบริษัทจากเดิมที่มีเป้าหมายจะเข้ามาลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันไปลงทุนในสินค้าอนุพันธ์ประเภทอื่นๆของ TFEX บ้างแล้ว ในช่วงที่ราคาทองคำมีความผันผวนมาก
“จากการสังเกตที่ผ่านมา การลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากในช่วงที่ราคาทองคำโลกมีความผันผวน โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเริ่มนิ่ง หรือผันผวนเพียงแค่เล็กน้อย 20-30 เหรียญ แต่กลับพบว่าปริมาณการซื้อขายและจำนวนสัญญาที่เข้ามาลงทุนกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนในที่นี้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากร้านทองที่เข้ามาป้องกันความเสี่ยง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสัญญาที่ร้านทองเหล่านี้ถืออยู่จะถูกนำออกมาขายหมดทีเดียวในแต่ละวัน เพราะลูกค้ากลุ่มนี้แม้บางรายมีสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์สเยอะก็อาจมีการนำมาซื้อขายเพียง 1-2 สัญญา/วันเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ติดตามอีกเรื่อง คือ ขนาดของสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์ส เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสความสนใจว่าจะมีการปรับลดขนาดสัญญาลงให้เหลือเท่ากับทองคำน้ำหนัก 10 บาท/สัญญา จากปัจจุบันใช้น้ำ หนักทองคำ 50 บาท/สัญญา แต่ทาง TFEX ยังกังวลว่าเรื่องดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อร้านค้าทอง โดยเฉพาะปริมาณการซื้อขายทองคำแท่งในน้ำหนัก 5-10 บาท รวมถึงในอีกแง่มุมหนึ่งที่มีการผลักดันให้เพิ่มขนาดสัญญาซื้อขายให้เป็น 100 บาท/สัญญา
แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ความจริงลูกค้าในส่วนนี้ เป็นคนละกลุ่มกับนักลงทุนที่ชื่นชอบในทองคำแท่ง เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะสั้น เก็งกำไร และสัญญามีการหมดอายุ ขณะที่ทองคำแท่งจะเป็นการลงทุนแบบการออมระยะยาวมากกว่า
“หากปรับสัญญาซื้อขายให้เหลือ 10 บาทได้เชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาลงทุนเยอะขึ้น แต่เราก็หวั่นว่าจะกระทบกับบรรดาร้านทอง เพราะในตลาดต่างประเทศสัญญาที่ใช้กันอยู่มีขนาดใหญ่กว่าของเรามากเช่น 100 ออนซ์/สัญญา อย่างไรก็ตาม ในบ้านเรา ปริมาณการซื้อขายส่วนมากมาจากนักลงทุนรายย่อย ดังนั้นถ้าปรับเพิ่มขนาดสัญญาอาจทำให้ลูกค้าในส่วนนี้ลดลง”
**โกลเบล็กพร้อมรบ 24 ชม.
ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายต้องการผลักดันให้ตลาดเปิดการซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์ส 24 ชั่วโมง นายสัญญา กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากด้วยตลาดของไทยมีการปิดซื้อขายช่วง 17.00 น.แต่ในตลาดอื่นๆ ที่สำคัญกลับเป็นช่วงที่เริ่มเปิดให้มีการซื้อขาย ซึ่งทำให้ผู้ที่ถือสัญญาอยู่มีความเสี่ยงเกิดขึ้น หากมีปัจจัยสำคัญ หรือเกิดความผันผวนมากในคืนนั้น พอเช้ามาราคาของสัญญาที่ถืออยู่อาจปรับตัวลดลงไปได้
แต่เรื่องนี้จะสร้างความลำบากให้โบรกเกอร์รายใหม่ที่เพิ่งได้รับไลเซนส์ เพราะนั่นหมายถึงต้องเพิ่มเงินทุนในการติดตั้งระบบรองรับเรื่องดังกล่าว ทั้งที่เพิ่งลงทุนไปกับระบบซื้อในปัจจุบันได้ไม่นาน และยังไม่คืนทุน ส่วน บล.โกลเบล็ก นั้น มีความพร้อมในเรื่องนี้ เนื่องจากบริษัทแม่ก็มีแนวคิดที่จะผลักดันเปิดให้บริการซื้อขายทองคำแท่งตอลด 24 ชม.อยุ่แล้ว จึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
สำหรับภาพรวมของธุรกิจโกลด์ ฟิวเจอร์ส ของ บล.โกลเบล็ก ปัจจุบันมีลูกค้าเข้มมาเปิดบัญชีกับบริษัทแล้วประมาณ 300 บัญชี และมีการซื้อขายจริงประมาณ 50%ของบัญชีที่มีอยู่ ซึ่งช่วงนี้บริษัทได้หันมาเน้นการจัดสัมมนาร่วมกับบรรดาร้านทองที่เป็นเซลลิงค์เอเย่นต์เพิ่มขึ้น จึงคาดว่าในสิ้นปีนี้น่าจะมีลูกค้ามาเปิดบัญชีกับบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 200 บัญชีแน่
**แม่ทองสุกปลื้มลูกค้าพุ่ง
ด้าน นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มเปิดมาโกลด์ ฟิวเจอร์สมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งงจากนักลงทุน และบรรดาร้านทองที่ให้ความสนใจในเครื่องมือประเภทนี้ โดยมีวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ย 500-600 สัญญา/วัน และวันที่มีการซื้อขายสูงก็จะมีถึงประมาณ 2,000 สัญญา/วัน ส่วนช่วงที่เบาบางอาจอยู่ที่ 200-300 สัญญา/วัน
ในฐานะที่บริษัทเป็นโบรกเกอร์จากร้านทองคำ ก็ได้สังเกตว่าจากช่วงแรกวอลุ่มซื้อขายส่วนใหญ่ยังมาจากลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ประมาณ 90% และอีก 10% มาจากโบรกเกอร์ร้านทอง แต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาสัดส่วนนักลงทุนเริ่มเปลี่ยนไป เป็น 50:50เพราะปัจจุบันโบรกเกอร์ร้านทองเริ่มมีปริมาณลูกค้าเข้ามาลงทุนมากขึ้น
ขณะที่การปรับลดหรือเพิ่มขนาดสัญญาที่ซื้อขายนั้น เรื่องดังกล่าวทางสมาคมผู้ค้าทองคำและทางตลาดอนุพันธ์ยังพูดคุยกันอยู่ และยังไม่สามารถสรุปได้ ส่วนกรณีที่ TFEX มีการออก DW มาอย่างต่อเนื่องนั้นมองว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าของบริษัทแน่
ส่วนภาพรวมของ เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์สนั้น ปัจจุบบันบริษัทมีลุกค้าอยู่ประมาณ 700 บัญชี และที่มีการซื้อขายจริงอยู่ที่ 400-500 บัญชี ซึ่งเนผลมาจากการมุ่งสัมมนาให้ความรู้นักลงทุนและผู้ที่สนใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป้าทั้งปีตั้งไว้ที่ 20% และปัจจุบันนี้สามารถทำได้แล้วถึง 10-15% จึงคาดว่า น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ยังต้องขอดูภาพรวมอีก 3 เดือนที่เหลือของปีอีกครั้ง
นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิชผู้ช่วยผู้อำนวยการ ทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (โกลด์ ฟิวเจอร์ส) ตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ก.พ.-ก.ค.) ว่า นับเป็นอีกเครื่องมือทางการลงทุนที่ได้รับการตอบรับจากนักลงเป็นอย่างดี ซึ่งตั้งแต่เดือนกุมพาพันธ์ 2552 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX เปิดให้มีการซื้อขายพบว่าปัจจุบัน มีวอลุ่มเฉลี่ยประมาณ 600-700 สัญญา/วัน โดยมีการเติบขึ้นจากเดือนแรกประมาณ 45%
โดยปริมาณสัญญาซื้อขายที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่วนใหญ่มาจากบรรดาร้านทองทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ที่เริ่มรู้จัก โกลด์ ฟิวเจอร์ส มากขึ้น และหันมาใช้สัญญาดังกล่าวในการป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเฉพาะการรับซื้อทองคำหน้าร้านมากขึ้น รวมทั้งป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำโลก
ขณะเดียวกัน อีกส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนหน้าใหม่ ซึ่งไม่ใช่ผู้ลงทุนในตลลาดหุ้นประจำ หันมาให้ความสนใจลงทุนในด้านนี้มากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และมีโอกาสศึกษาการลงทุนในอนุพันธ์เพิ่มเติม เพราะเท่าที่ผ่านมาพบว่า ลูกค้าที่เปิดบัญชีกับบริษัทจากเดิมที่มีเป้าหมายจะเข้ามาลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันไปลงทุนในสินค้าอนุพันธ์ประเภทอื่นๆของ TFEX บ้างแล้ว ในช่วงที่ราคาทองคำมีความผันผวนมาก
“จากการสังเกตที่ผ่านมา การลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากในช่วงที่ราคาทองคำโลกมีความผันผวน โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเริ่มนิ่ง หรือผันผวนเพียงแค่เล็กน้อย 20-30 เหรียญ แต่กลับพบว่าปริมาณการซื้อขายและจำนวนสัญญาที่เข้ามาลงทุนกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แน่นอนในที่นี้ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากร้านทองที่เข้ามาป้องกันความเสี่ยง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสัญญาที่ร้านทองเหล่านี้ถืออยู่จะถูกนำออกมาขายหมดทีเดียวในแต่ละวัน เพราะลูกค้ากลุ่มนี้แม้บางรายมีสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์สเยอะก็อาจมีการนำมาซื้อขายเพียง 1-2 สัญญา/วันเท่านั้น”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ติดตามอีกเรื่อง คือ ขนาดของสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์ส เนื่องจากที่ผ่านมามีกระแสความสนใจว่าจะมีการปรับลดขนาดสัญญาลงให้เหลือเท่ากับทองคำน้ำหนัก 10 บาท/สัญญา จากปัจจุบันใช้น้ำ หนักทองคำ 50 บาท/สัญญา แต่ทาง TFEX ยังกังวลว่าเรื่องดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อร้านค้าทอง โดยเฉพาะปริมาณการซื้อขายทองคำแท่งในน้ำหนัก 5-10 บาท รวมถึงในอีกแง่มุมหนึ่งที่มีการผลักดันให้เพิ่มขนาดสัญญาซื้อขายให้เป็น 100 บาท/สัญญา
แต่เมื่อพิจารณาแล้ว ความจริงลูกค้าในส่วนนี้ เป็นคนละกลุ่มกับนักลงทุนที่ชื่นชอบในทองคำแท่ง เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะสั้น เก็งกำไร และสัญญามีการหมดอายุ ขณะที่ทองคำแท่งจะเป็นการลงทุนแบบการออมระยะยาวมากกว่า
“หากปรับสัญญาซื้อขายให้เหลือ 10 บาทได้เชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาลงทุนเยอะขึ้น แต่เราก็หวั่นว่าจะกระทบกับบรรดาร้านทอง เพราะในตลาดต่างประเทศสัญญาที่ใช้กันอยู่มีขนาดใหญ่กว่าของเรามากเช่น 100 ออนซ์/สัญญา อย่างไรก็ตาม ในบ้านเรา ปริมาณการซื้อขายส่วนมากมาจากนักลงทุนรายย่อย ดังนั้นถ้าปรับเพิ่มขนาดสัญญาอาจทำให้ลูกค้าในส่วนนี้ลดลง”
**โกลเบล็กพร้อมรบ 24 ชม.
ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายต้องการผลักดันให้ตลาดเปิดการซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์ส 24 ชั่วโมง นายสัญญา กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากด้วยตลาดของไทยมีการปิดซื้อขายช่วง 17.00 น.แต่ในตลาดอื่นๆ ที่สำคัญกลับเป็นช่วงที่เริ่มเปิดให้มีการซื้อขาย ซึ่งทำให้ผู้ที่ถือสัญญาอยู่มีความเสี่ยงเกิดขึ้น หากมีปัจจัยสำคัญ หรือเกิดความผันผวนมากในคืนนั้น พอเช้ามาราคาของสัญญาที่ถืออยู่อาจปรับตัวลดลงไปได้
แต่เรื่องนี้จะสร้างความลำบากให้โบรกเกอร์รายใหม่ที่เพิ่งได้รับไลเซนส์ เพราะนั่นหมายถึงต้องเพิ่มเงินทุนในการติดตั้งระบบรองรับเรื่องดังกล่าว ทั้งที่เพิ่งลงทุนไปกับระบบซื้อในปัจจุบันได้ไม่นาน และยังไม่คืนทุน ส่วน บล.โกลเบล็ก นั้น มีความพร้อมในเรื่องนี้ เนื่องจากบริษัทแม่ก็มีแนวคิดที่จะผลักดันเปิดให้บริการซื้อขายทองคำแท่งตอลด 24 ชม.อยุ่แล้ว จึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
สำหรับภาพรวมของธุรกิจโกลด์ ฟิวเจอร์ส ของ บล.โกลเบล็ก ปัจจุบันมีลูกค้าเข้มมาเปิดบัญชีกับบริษัทแล้วประมาณ 300 บัญชี และมีการซื้อขายจริงประมาณ 50%ของบัญชีที่มีอยู่ ซึ่งช่วงนี้บริษัทได้หันมาเน้นการจัดสัมมนาร่วมกับบรรดาร้านทองที่เป็นเซลลิงค์เอเย่นต์เพิ่มขึ้น จึงคาดว่าในสิ้นปีนี้น่าจะมีลูกค้ามาเปิดบัญชีกับบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 200 บัญชีแน่
**แม่ทองสุกปลื้มลูกค้าพุ่ง
ด้าน นายณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มเปิดมาโกลด์ ฟิวเจอร์สมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งงจากนักลงทุน และบรรดาร้านทองที่ให้ความสนใจในเครื่องมือประเภทนี้ โดยมีวอลุ่มซื้อขายเฉลี่ย 500-600 สัญญา/วัน และวันที่มีการซื้อขายสูงก็จะมีถึงประมาณ 2,000 สัญญา/วัน ส่วนช่วงที่เบาบางอาจอยู่ที่ 200-300 สัญญา/วัน
ในฐานะที่บริษัทเป็นโบรกเกอร์จากร้านทองคำ ก็ได้สังเกตว่าจากช่วงแรกวอลุ่มซื้อขายส่วนใหญ่ยังมาจากลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ประมาณ 90% และอีก 10% มาจากโบรกเกอร์ร้านทอง แต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาสัดส่วนนักลงทุนเริ่มเปลี่ยนไป เป็น 50:50เพราะปัจจุบันโบรกเกอร์ร้านทองเริ่มมีปริมาณลูกค้าเข้ามาลงทุนมากขึ้น
ขณะที่การปรับลดหรือเพิ่มขนาดสัญญาที่ซื้อขายนั้น เรื่องดังกล่าวทางสมาคมผู้ค้าทองคำและทางตลาดอนุพันธ์ยังพูดคุยกันอยู่ และยังไม่สามารถสรุปได้ ส่วนกรณีที่ TFEX มีการออก DW มาอย่างต่อเนื่องนั้นมองว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าของบริษัทแน่
ส่วนภาพรวมของ เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์สนั้น ปัจจุบบันบริษัทมีลุกค้าอยู่ประมาณ 700 บัญชี และที่มีการซื้อขายจริงอยู่ที่ 400-500 บัญชี ซึ่งเนผลมาจากการมุ่งสัมมนาให้ความรู้นักลงทุนและผู้ที่สนใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป้าทั้งปีตั้งไว้ที่ 20% และปัจจุบันนี้สามารถทำได้แล้วถึง 10-15% จึงคาดว่า น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ยังต้องขอดูภาพรวมอีก 3 เดือนที่เหลือของปีอีกครั้ง