3 บิ๊กอุตสาหกรรม มั่นใจปีหน้าเมืองไทยดีขึ้น เศรษฐกิจฟื้นตัว “อนันต์” พยากรณ์ความขัดแย้ง 2 สีเสื้อยุติในสิ้นปีนี้ จากการเจรจาทำให้การเมืองนิ่ง ดึงศรัทธานักลงทุนไทยและต่างประเทศกลับคืน “ประเสริฐ” จี้ รัฐกระตุ้นความเชื่อมั่นประชาชน สร้างการใช้จ่าย แต่ไตรมาส 3/52 ยังติดลบอยู่ “กานต์” ชู ปี 53 บ้านโดดเด่น ส่วนคอนโดฯโตตามรถไฟฟ้า
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวในงานเสวนา “กลยุทธ์หลังวิกฤติ ทิศทางปี 2553” ว่า ส่วนตัวเชื่อว่าความขัดแย้งทางการเมืองในด้านกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายจะจบภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจาก น่าจะมีการเจราให้มีการเลิกชุมนุม ซึ่งจะทำให้ประชาชน นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ มีความมั่นในการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะมีการปรับตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
“ผมเชื่อว่า กีฬาสีจะเลิกภายในสิ้นปี แล้วการเมืองไทยจะนิ่ง เพราะเชื่อว่าขณะนี้ทุกคนล้าหมดแล้ว และแม้ข้างหน้าจะดูทะเลาะกันบ้าง แต่เชื่อว่า ในเบื้องหลังน่าจะมีการเจรจาให้มีการยุติลงได้ ซึ่งจะทำให้การเมืองไทยจะนิ่งในปีหน้า โดยจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศไทยปี 2553 ฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งจะทำให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ในเรื่องการลงทุน ทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ แต่จะต้องมีการดูแลเรื่องไข้หวัดไม่ให้มีการแพร่ระบาดมากขึ้น” นายอนันต์ กล่าว
ส่วนการดำเนินธุรกิจในปีหน้านั้น บริษัทจะต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทให้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าแม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่เชื่อว่าการจ้างงานจะยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะยังมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นจริงหรือไม่ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเปลี่ยนการทำงานโดยการจ้างคนงานเข้ามาเพื่อที่บริษัทจะไม่ต้องทำเอง จึงทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ต่ำ สามารถขายยบ้านในราคาที่ถูกได้
ไตรมาส 3 ดีขึ้นแต่ยังติดลบ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส3/52 จะปรับตัวดีขึ้นแต่ยังคงติดลบอยู่ แต่ในไตรมาส 4/52 จะกลับมาเป็นบวกได้ โดยรวมทั้งปีเศรษฐกิจไทยยังคงติดลบอยู่ ส่วนปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเป็นบวกได้ แต่จะเป็นลักษณะการค่อยๆฟื้นตัวขึ้น
“ผมไม่เชื่อทฤษฎีเศรษฐกิจจะเป็นวีเชฟ และ แอล แต่เชื่อว่า เศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นตัวข้าๆซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันในช่วงระยะกลางนี้จะไม่สูงมากนัก” นายประเสริฐ กล่าว
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า ธุรกิจที่มียังคงมีความน่าเป็นห่วงในอีก 1 ปีหน้าข้าง คือ ธุรกิจ บริการ โรงแรม ท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง ซึ่งจะต้องใช้เวลานานกว่าที่จะมีการฟื้นตัว ส่วนในธุรกิจพลังงานนั้น ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และขณะนี้ปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยคาดว่า ราคาน้ำมันปีนี้ จะอยู่ที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และคาดปีหน้าจะอยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างเชื่อว่าน่าจะดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีโครงการในการก่อสร้างต่างๆ ออกมา
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญ รัฐบาลจะต้องมีการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนให้มีการใช้จ่าย สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน และสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และรัฐบาลจะต้องมีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อบ้านเพื่อที่จะมีการค้าขายในประเทศแถบเพื่อบ้านมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานนั้นเครือ ปตท.บริษัทจะต้องมีการเตรียมแผนการดำเนินงานไว้หลายสมมุติฐาน กรณีที่ภาวะเศรษฐกิจดี กรณีภาวะเศรษฐกิจไม่ดี และจะต้องมีการปรับตัวที่ดีเพื่อที่จะสามารถผ่านวิกฤตไปได้ และจากการที่เกิดวิกฤตมา ทำให้บริษัทมีการปรับตัวในเรื่องการควบรวมกิจการ และมีการซื้อกิจการซึ่งทีผ่านมาบริษัทได้มีการซื้อเหมืองถ่านหินในต่างประเทศในราคาที่ต่ำ
ชูอสังหาฯโดดเด่นปีหน้า
ด้าน นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือซิเมนต์ไทย กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจที่จะมีการปรับตัวดีขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า คือ อสังหาริมทรัพย์ ที่เกี่ยวกับ บ้าน จากการที่ดอกบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำ และราคาบ้านยังคงอยู่ที่ระดับต่ำ เช่นกัน และจากการที่จะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ จะทำให้ประชาชนหันมาอยู่ยคอนโดมิเนียมกันมากขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอุตสาหกรรมที่ยังไม่ดีขึ้น คือ ธุรกิจโรงแรมจากที่นักลงทุนยังไม่เข้ามา และที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวในงานเสวนา “กลยุทธ์หลังวิกฤติ ทิศทางปี 2553” ว่า ส่วนตัวเชื่อว่าความขัดแย้งทางการเมืองในด้านกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายจะจบภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจาก น่าจะมีการเจราให้มีการเลิกชุมนุม ซึ่งจะทำให้ประชาชน นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ มีความมั่นในการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะมีการปรับตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
“ผมเชื่อว่า กีฬาสีจะเลิกภายในสิ้นปี แล้วการเมืองไทยจะนิ่ง เพราะเชื่อว่าขณะนี้ทุกคนล้าหมดแล้ว และแม้ข้างหน้าจะดูทะเลาะกันบ้าง แต่เชื่อว่า ในเบื้องหลังน่าจะมีการเจรจาให้มีการยุติลงได้ ซึ่งจะทำให้การเมืองไทยจะนิ่งในปีหน้า โดยจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศไทยปี 2553 ฟื้นตัวได้เร็ว ซึ่งจะทำให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ในเรื่องการลงทุน ทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ แต่จะต้องมีการดูแลเรื่องไข้หวัดไม่ให้มีการแพร่ระบาดมากขึ้น” นายอนันต์ กล่าว
ส่วนการดำเนินธุรกิจในปีหน้านั้น บริษัทจะต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทให้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าแม้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่เชื่อว่าการจ้างงานจะยังไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะยังมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นจริงหรือไม่ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเปลี่ยนการทำงานโดยการจ้างคนงานเข้ามาเพื่อที่บริษัทจะไม่ต้องทำเอง จึงทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ต่ำ สามารถขายยบ้านในราคาที่ถูกได้
ไตรมาส 3 ดีขึ้นแต่ยังติดลบ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส3/52 จะปรับตัวดีขึ้นแต่ยังคงติดลบอยู่ แต่ในไตรมาส 4/52 จะกลับมาเป็นบวกได้ โดยรวมทั้งปีเศรษฐกิจไทยยังคงติดลบอยู่ ส่วนปีหน้าคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตเป็นบวกได้ แต่จะเป็นลักษณะการค่อยๆฟื้นตัวขึ้น
“ผมไม่เชื่อทฤษฎีเศรษฐกิจจะเป็นวีเชฟ และ แอล แต่เชื่อว่า เศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นตัวข้าๆซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันในช่วงระยะกลางนี้จะไม่สูงมากนัก” นายประเสริฐ กล่าว
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า ธุรกิจที่มียังคงมีความน่าเป็นห่วงในอีก 1 ปีหน้าข้าง คือ ธุรกิจ บริการ โรงแรม ท่องเที่ยว เพราะที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัจจัยการเมือง ซึ่งจะต้องใช้เวลานานกว่าที่จะมีการฟื้นตัว ส่วนในธุรกิจพลังงานนั้น ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และขณะนี้ปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยคาดว่า ราคาน้ำมันปีนี้ จะอยู่ที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และคาดปีหน้าจะอยู่ที่ 70-80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างเชื่อว่าน่าจะดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีโครงการในการก่อสร้างต่างๆ ออกมา
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญ รัฐบาลจะต้องมีการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนให้มีการใช้จ่าย สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนในประเทศและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน และสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และรัฐบาลจะต้องมีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อบ้านเพื่อที่จะมีการค้าขายในประเทศแถบเพื่อบ้านมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานนั้นเครือ ปตท.บริษัทจะต้องมีการเตรียมแผนการดำเนินงานไว้หลายสมมุติฐาน กรณีที่ภาวะเศรษฐกิจดี กรณีภาวะเศรษฐกิจไม่ดี และจะต้องมีการปรับตัวที่ดีเพื่อที่จะสามารถผ่านวิกฤตไปได้ และจากการที่เกิดวิกฤตมา ทำให้บริษัทมีการปรับตัวในเรื่องการควบรวมกิจการ และมีการซื้อกิจการซึ่งทีผ่านมาบริษัทได้มีการซื้อเหมืองถ่านหินในต่างประเทศในราคาที่ต่ำ
ชูอสังหาฯโดดเด่นปีหน้า
ด้าน นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือซิเมนต์ไทย กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจที่จะมีการปรับตัวดีขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า คือ อสังหาริมทรัพย์ ที่เกี่ยวกับ บ้าน จากการที่ดอกบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำ และราคาบ้านยังคงอยู่ที่ระดับต่ำ เช่นกัน และจากการที่จะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ จะทำให้ประชาชนหันมาอยู่ยคอนโดมิเนียมกันมากขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอุตสาหกรรมที่ยังไม่ดีขึ้น คือ ธุรกิจโรงแรมจากที่นักลงทุนยังไม่เข้ามา และที่ผ่านมาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง