อมตะฯ ตั้งเป้าปี 52 ยอดขายพื้นที่ 400ไ ร่ ลุ้นเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว เผยมีลูกค้าที่อยู่ในระหว่างการเจรจาขายพื้นที่จำนวนหลายราย เตรียมชิงส่วนแบ่งเม็ดเงินลงทุนจีน 4 แสนล้าน จับตาเกษตร ชิ่นส่วนรถยนต์ และเคมีภัณฑ์
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจของอมตะในครึ่งปีที่ผ่านมาเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ โดยสามารถขายพื้นที่ได้ 51.29 ไร่ และมีรายได้หลักมาจากนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี รองลงมาได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง และนิคมอุตสาหกรรมอมตะเบียนหัว ประเทศเวียดนาม ตามลำดับ
"ยอดขายดังกล่าวเป็นผลต่อเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และความไม่ชัดเจนทางการเมืองในประเทศส่งผลให้นักลงทุนยังไม่มั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่การขายพื้นที่ทั้งปี 2552 คาดว่าจะขายพื้นที่ได้ประมาณ 300-400 ไร่ เพราะในปีที่ผ่านมาอมตะมียอดขายพื้นที่ได้ 896 ไร่ แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่ลดลงจากปีที่ผ่านมาเกือบร้อยละ 50 แต่บริษัทยังคงทำกำไรได้ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนให้ลดลง โดยเฉพาะการบริหารจัดการด้านแหล่งน้ำ ที่เน้นการบริโภคแหล่งน้ำจากธรรมชาติกว่าร้อยละ 50 และราคาขายที่ดินที่ยังคงขายในราคาเท่าเดิม ด้วยความพร้อมของพื้นที่นิคมอมตะฯ ที่มีระบบสาธารณูปโภคเอื้ออำนวยต่อความต้องการของนักลงทุน"
จากสัญญาณภาวะเศรษฐกิจของโลกเริ่มฟื้นตัว เพราะเห็นว่าภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีคำสั่งซื้อกลับเข้ามาในประเทศมากขึ้น ขณะนี้อมตะมีลูกค้าที่อยู่ในระหว่างการเจรจาขายพื้นที่จำนวนหลายราย และในจำนวนดังกล่าวน่าจะเป็นนักลงทุนจากประเทศจีน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีเงินลงทุนจำนวนมาก และเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวน่าจะมาจากทั้งจากการจัดตั้งกองทุนของภาคเอกชนจีนที่มีมูลค่าถึง 400,000 ล้านบาท ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนให้นักลงทุนจีนมุ่งลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร ชิ้นส่วนรถยนต์ และเคมีภัณฑ์ ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ต้องขึ้นอยู่กับปัญหาความไม่ชัดเจนทางการเมืองในประเทศ หากมีเหตุการณ์รุนแรงดังเช่นที่ผ่านมาอาจจะสร้างผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศได้
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจของอมตะในครึ่งปีที่ผ่านมาเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ โดยสามารถขายพื้นที่ได้ 51.29 ไร่ และมีรายได้หลักมาจากนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี รองลงมาได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง และนิคมอุตสาหกรรมอมตะเบียนหัว ประเทศเวียดนาม ตามลำดับ
"ยอดขายดังกล่าวเป็นผลต่อเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และความไม่ชัดเจนทางการเมืองในประเทศส่งผลให้นักลงทุนยังไม่มั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่การขายพื้นที่ทั้งปี 2552 คาดว่าจะขายพื้นที่ได้ประมาณ 300-400 ไร่ เพราะในปีที่ผ่านมาอมตะมียอดขายพื้นที่ได้ 896 ไร่ แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่ลดลงจากปีที่ผ่านมาเกือบร้อยละ 50 แต่บริษัทยังคงทำกำไรได้ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนให้ลดลง โดยเฉพาะการบริหารจัดการด้านแหล่งน้ำ ที่เน้นการบริโภคแหล่งน้ำจากธรรมชาติกว่าร้อยละ 50 และราคาขายที่ดินที่ยังคงขายในราคาเท่าเดิม ด้วยความพร้อมของพื้นที่นิคมอมตะฯ ที่มีระบบสาธารณูปโภคเอื้ออำนวยต่อความต้องการของนักลงทุน"
จากสัญญาณภาวะเศรษฐกิจของโลกเริ่มฟื้นตัว เพราะเห็นว่าภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีคำสั่งซื้อกลับเข้ามาในประเทศมากขึ้น ขณะนี้อมตะมีลูกค้าที่อยู่ในระหว่างการเจรจาขายพื้นที่จำนวนหลายราย และในจำนวนดังกล่าวน่าจะเป็นนักลงทุนจากประเทศจีน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีเงินลงทุนจำนวนมาก และเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวน่าจะมาจากทั้งจากการจัดตั้งกองทุนของภาคเอกชนจีนที่มีมูลค่าถึง 400,000 ล้านบาท ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลจีนที่สนับสนุนให้นักลงทุนจีนมุ่งลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร ชิ้นส่วนรถยนต์ และเคมีภัณฑ์ ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่ต้องขึ้นอยู่กับปัญหาความไม่ชัดเจนทางการเมืองในประเทศ หากมีเหตุการณ์รุนแรงดังเช่นที่ผ่านมาอาจจะสร้างผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศได้
