รมว.คลัง ยอมรับ ห่วงภาคการท่องเที่ยวฟื้นยาก เพราะอิงกำลังซื้อจากต่างชาติที่หดตัว รวมถึงการแพร่ระบาดของไข้หวัด 2009 พร้อมอัดสินเชื่อ ดบ.ต่ำ-ลดภาษี สั่งสำนักงบฯ เร่งทำข้อมูลไทยเข้มแข็งให้เสร็จภายใน 18 ส.ค.นี้
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการร่วมแถลงผลงาน 6 เดือนของรัฐบาล โดยระบุถึงการที่รัฐบาลได้หันมาใช้การวัดดัชนีด้านเศรษฐกิจแบบไตรมาสต่อไตรมาสและเดือนต่อเดือน เป็นการใช้แนวทางเดียวกับ จีน เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์ เนื่องจากในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ต้องใช้แนวทางดังกล่าวเป็นตัววัดแทนการเทียบตัวเลขแบบปีต่อปี เพราะจะสะท้อนภาพที่แท้จริงได้ดีกว่า และทำให้สามารถมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัว ซึ่งได้ผ่านจุดต่ำสุดในรูปตัว V มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีเศรษฐกิจหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริโภค ตัวเลขการส่งออก กำลังการผลิต การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น แต่รัฐบาลยังเป็นห่วงภาคการท่องเที่ยว เพราะได้รับผลกระทบมาเป็นเวลานานจากปัญหาการเมืองที่มีการชุมนุมประท้วงยืดเยื้อ ปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ปัญหากำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันเศรษฐกิจตกต่ำลงกลายเป็นรูปตัว W ดังนี้น รัฐบาลจึงต้องหาแนวทางช่วยเหลือด้านการท่องเที่ยว ซึ่งยังอ่อนแอกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ โดยเฉพาะการเร่งรัดให้เอสเอ็มอีแบงก์ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ซึ่งมีวงเงินอยู่ 5,000 ล้านบาท รวมไปถึงการใช้มาตรการภาษีลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวสามารถกลับมาฟื้นตัวได้
สำหรับภาคการส่งออกน่าจะเริ่มคลี่คลายดีขึ้น เพราะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าเริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารมีออร์เดอร์สั่งซื้อเข้ามา ทำให้มีการขยายตัวดีมากเป็นประวัติการณ์ ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ขยายมาตรการผ่อนปรนภาษีในการซื้อบ้าน ยังทำให้ประชาชนตัดสินใจซื้อบ้านได้เร็วขึ้น เพราะกำลังซื้อยังดีอยู่
นอกจากนี้ หน่วยงานต่างๆ ได้เสนอโครงการลงทุนตามโครงการลงทุนไทยเข้มแข็ง มาให้คณะกรรมการกลั่นกรองพิจารณาการลงทุนแล้วกว่าล้านล้านบาท คาดว่า จะเริ่มเปิดโครงการต่างๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2552 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้เงินลงทุนออกสู่ระบบได้ในช่วงปลายปีนี้
