xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็นพาร์ค” ผีซ้ำด้ำพลอย “มหานครทรัสต์” ฟ้องคดีเก่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เอ็นพาร์ค” ยังไม่พ้นเคราะห์ร้าย! เจ้าหนี้เดิม “บงล.มหานครทรัสต์” ยื่นศาลแพ่งยกคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องปี 41 กลับมาพิจารณาใหม่ ให้ชำระหนี้เป็นเงิน 126 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ด้านแหล่งข่าวเอ็นพาร์ค งง ฟ้องในฐานะอะไร หนี้ก็จ่ายแล้ว พร้อมเดินหน้าต่อสู้เต็มที่ในชั้นศาล เผย เคสไทยสมุทร ปัญหาจบ ชำระเงิน 200 ล้านบาท งวดแรก 15 ต.ค.นี้ โวยลั่นเจ้าหนี้เอาแต่ได้ เล็งอาจเข้าฟื้นฟูกิจการรอบ 2 หากส่วนผู้ถือหุ้นติดลบต่อ

นายจุมพลภัทร์ พูลทรัพย์ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK ได้รายงานว่า ขณะนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ (บงล.) มหานครทรัสต์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหนี้อีกรายหนึ่งในแผนฟื้นฟูกิจการ และได้รับชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว ยื่นขอให้ศาลแพ่งยกคดีแพ่งที่โจทก์ฟ้องบริษัทเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2541 ขึ้นพิจารณาใหม่ โดยโจทก์ขอให้บริษัทชำระหนี้เป็นเงินจำนวน 126.76 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 5 % ต่อปีของเงินต้นจำนวน 120.51 ล้านบาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้น ปัจจุบันศาลแพ่งได้นัดพร้อมเพื่อกำหนดวันนัดสืบพยานแล้ว

ด้านแหล่งข่าวบริษัท แนเชอรัล พาร์ค กล่าวด้วยความแปลกประหลาดใจว่า ไม่เข้าใจสาเหตุที่บงล.มหานครทรัสต์ เป็น 1 อดีตเจ้าหนี้ที่ยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการและได้รับชำระหนี้ตามแผนไปแล้ว ออกฟ้องศาลขอให้ยกคดีเก่าขึ้นมาพิจารณาใหม่ เพื่อเรียกร้องให้บริษัทชำระหนี้ ซึ่งต่างจากกรณีของบริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด ที่คัดค้านแผนฟื้นฟูฯ มาตลอด ซึ่งคาดว่ายังต้องต่อสู้ในทางคดีอีกนาน

“เรางงมาก การที่ บงล.มหานครทรัสต์ มาฟ้องเราอีก เพื่ออะไร และมาฟ้องในสถานภาพอะไร ในเมื่อมหานครทรัสต์ ก็ไม่มีตัวตน อีกทั้ง หากมาฟ้อง ถามว่าจะฟ้องบริษัทในช่วงที่มีสินทรัพย์ มีการเพิ่มทุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่ไปแล้ว ถามว่า ยุติธรรมหรือไม่ อุปมาเหมือนการแต่งงาน หากฝ่ายหนึ่งมีหนี้ก้อนโต ถามว่า เรากล้าเข้าไปรับภาระส่วนนี้หรือไม่ หรือต้องรอให้เคลียร์หนี้ให้เสร็จก่อนถึงจะเข้าไปแต่งงาน”

ด้านแหล่งข่าวกรมบังคับคดี กล่าวว่า เดิม บงล.มหานครทรัสต์ ได้ฟ้องคดีแพ่งกับบริษัท แนเชอรัล พาร์ค (เลขที่คดีแดง ง 221/43) แต่ระหว่างนั้น ทางบริษัทได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทำให้คดีแพ่งระหว่างบงล.มหานครทรัสต์กับบริษัทฯต้องหยุดลง แต่ถึงกระนั้น เท่าที่ตรวจสอบแล้ว ทางบริษัทยังชำระหนี้ไม่ครบ

ส่วนกรณีบริษัท ไทยสมุทรฯ นั้น ในที่สุด N-PARK ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและจะชำระเงินจำนวน 200 ล้านบาทเป็นงวดๆ ภายในวันที่ 15 ต.ค.2552 พร้อมทั้งเดินหน้าแก้ไขส่วนผู้ถือหุ้นติดลบเพื่อเดินหน้าธุรกิจ รอลุ้นสิ้นไตรมาส 2 ปี 2552 จะมียอดติดลบเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่

“บงล.มหานครทรัสต์ เป็นอดีตเจ้าหนี้รายหนึ่งของบริษัท เป็นเจ้าหนี้ตั๋วแลกเงิน นานมาแล้ว ตั้งแต่ก่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 เข้าใจว่า น่าจะเป็น 1 ใน 56 ไฟแนนซ์ที่เลิกกิจการไปแล้ว แต่อยู่ๆ ก็โผล่มา ซึ่งก็แปลกใจเหมือนกัน หรืออาจจะเป็นเพราะเจ้าพนักกงานพิทักษ์ฟิตจัด อย่างไรก็ตาม คาดว่า เรื่องนี้คงอีกนาน เพราะยังต้องรอศาลแพ่งนัดพร้อมเพื่อกำหนดวันนัดสืบพยานอีก นี่เพิ่งจะเริ่มต้น” แหล่งข่าวกล่าว

และจากการตรวจสอบ พบว่า บงล.มหานครทรัสต์ จำกัด เป็น 1 ในสถาบันการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สั่งให้ระงับการดำเนินกิจการเมื่อปี 2540 โดย บงล.มหานครทรัสต์ อยู่ในกลุ่มเดียวกับ บงล.ซิทก้า

แหล่งข่าวกล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่บริษัทต้องเร่งทำ คือ แก้ไขส่วนของผู้ถือหุ้นที่ติดลบ ซึ่งยังต้องรอดูงบไตรมาส 2 ปี 2552 ว่า จะออกมาเป็นอย่างไร แต่ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นเดือน เม.ย. N-PARK ระบุว่า มีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบประมาณ 28.74 ล้านบาท หลังแพ้คดีบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ดังกล่าวต่อศาลอุทธรณ์

“งบไตรมาส 2 ส่วนของผู้ถือหุ้นก็คงไม่แตกต่างจากที่เคยบอกไปเท่าไหร่นัก เพียงแต่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็น่าปวดหัวเหมือนกัน” แหล่งข่าว กล่าว

แหล่งข่าวกล่าวถึงหนี้ที่ยังค้างชำระเหลืออยู่ 2 ราย คือ จ่ายให้ไทยสมุทร รอบสุดท้ายอีก 55 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถจ่ายได้ตามกำหนดคือภายใน 15 ต.ค.นี้แน่นอน ส่วนหนี้กับธนาคารกรุงไทย (KTB) บริษัทได้ทำการขายหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI, บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYNTEC และบริษัท แปซิฟิค แอสเซ็ทส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PA เพื่อชำระหนี้ ทำให้ขณะนี้มีหนี้เงินต้นคงเหลือ 860 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามในสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยทางธนาคารกรุงไทย ตกลงขยายระยะเวลาชำระหนี้ออกไปอีก 2 ปี

“ภายในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทพร้อมไปจ่ายเงินไทยสมุทรแน่นอน เพราะเราไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง บริษัทยังมีเงินอยู่หลายร้อนล้านบาท แต่ติดปัญหาเดียวที่เรามีอยู่ตอนนี้ คือ การตั้งประมาณการ ที่แม้จะไม่ได้จ่ายไปจริง แต่เรามีปัญหาทางเทคนิคทางบัญชีที่หากเราแพ้คดี ผู้ตรวจสอบก็จะแสดงความเห็น ซึ่งเราก็ต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่าย ส่งผลให้ตัวเลขของส่วนทุนติดลบหนักเข้าไปอีก ดังนั้น เราต้องมาพิจารณาตัวเองว่า เราจะต้องเข้าสู่กระบวนการแผนฟื้นฟูรอบที่สอง 2 หรือไม่ เพราะตามหลักแล้ว ต้องรอรอบงบบัญชีในต้นปี 53 ซึ่งจะรู้ แต่เราต้องถามตัวเองว่า จะรอถึงตอนนั้น หรือเข้าฟื้นฟูกิจการเร็วขึ้น สิ่งที่เรากำลังบอก ก็เพื่อบอกผู้ถือหุ้นให้เข้าใจและเตรียมตัว” แหล่งข่าวกล่าว

อนึ่ง ตามงบการเงินไตรมาสแรกปี 2552 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 361.16 ขณะที่ส่วของผู้ถือหุ้นติดลบ 28.74 ล้านบาท

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ขณะนี้โครงการโรงแรมสยาม และ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ขณะนี้คืบหน้าไปแล้ว 70-80% คาดว่า จะเปิดได้ตามกำหนดคือไตรมาส 1 ปี 2553 แน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น