xs
xsm
sm
md
lg

กิมเอ็งฯแนะนักลงทุนเก็งกำไรBANPU เชื่อผลงานยังดีแถมมีปันผลระหว่างกาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิมเอ็งฯ แนะซื้อเก็งกำไร "บ้านปู" เชื่อผลงานไตรมาส 2 ปีนี้จะยังเติบโตแม้กำไรต่ำกว่าไตรมาสแรก คาดโกยกำไรกว่า 3.5 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54% เทียบงวดเดียวกันปี 51 เหตุยอดขายถ่านหินยังสูง และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน บีแอลซีพี พาวเวอร์ และผลิตไฟฟ้าราชบุรี ดันผลงานทั้งปีสวย คาดปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 7 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร " ให้ราคาเป้าหมาย 410 บาท

บริษัทหลักทรัพย์กิมเอ็ง ( ประเทศไทย ) จำกัด ( มหาชน ) ( KEST ) ทำบทวิเคราะห์ ประเมินเกี่ยวกับหุ้นของ บริษัท บ้านปู จำกัด ( มหาชน ) ( BANPU ) โดยคาดว่าไตรมาส 2 ปีนี้กำไรจะยังเติบโตแม้กำไรไตรมาส 2/52 จะลดลงจากไตรมาสแรก แต่ยังเติบโตได้ 54% yoy

กิมเอ็งฯ คาดว่า BANPU จะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/52 ออกมีกำไรสุทธิ 3,548 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 13.06 บาท เพิ่มขึ้น 54% yoy (แต่ลดลง 26% qoq) ซึ่งเป็นผลมาจากราคาจำหน่ายถ่านหินในไตรมาสนี้ที่ยังคงสูงอยู่ที่ 74.1 เหรียญต่อตัน ( แม้ว่าจะลดลงจากไตรมาสแรกที่ 84.2 เหรียญ/ตัน ก็ตาม) เพิ่มขึ้น 9.8 % yoy ส่วนแบ่งผลกำไรปกติจากโรงไฟฟ้า บริษัท บีแอลซีพี พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BLCP ) ที่ BANPU ถือหุ้น 50 % ที่เพิ่มขึ้นมากเป็น 1,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 130% yoy จากผลของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 360 ล้านบาท

ขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน BLCP ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 428 ล้านบาท , การรับรู้ผลกำไรจากการทำประกันความเสี่ยงราคาถ่านหินและราคาดีเซล 212 ล้านบาท ลดลงมากจากไตรมาสแรกที่ 794 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณถ่านหินที่ปิดสถานะในไตรมาสนี้มีไม่มากเนื่องจากส่วนใหญ่ได้มีการปิดสถานะไปในไตรมาสแรกแล้ว อีกทั้งราคาน้ำมันดีเซลที่มีการปรับขึ้นมาจากไตรมาสแรกก็ทำให้คาดว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนจากการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันดีเซลไม่มากนักในส่วนของปริมาณการจำหน่ายถ่านหินคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.2% yoy และ 12% qoq เป็น 4.6 ล้านตัน จากการผลิตและจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นของเหมือง Trubaindo และ Jorong

สำหรับ ราคาจำหน่ายถ่านหินที่ลดลงจะกดดันผลกำไรไตรมาส 3/52 กิมเอ็งฯ คาดว่ากำไรไตรมาส 3/52 มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อจากไตรมาส 2/52 จากการที่ราคาจำหน่ายถ่านหินเฉลี่ยจะปรับลดลงต่อหลังจากสัญญาที่มีราคาสูงได้ทยอยส่งมอบไปแล้วโดยประเมินราคาจำหน่ายเฉลี่ยในไตรมาสนี้ไว้ที่ประมาณ 60-65 เหรียญต่อตัน ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายถ่านหินคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นเป็น 4.8-5.0 ล้านตัน จากเหมือง Trubaindo และ Jorong ที่ในปีก่อนประสบกับปัญหาน้ำท่วมทำให้จำหน่ายได้ไม่ดีนัก แต่ปีนี้ไม่มีปัญหาดังกล่าวมากนัก ในไตรมาสนี้คาดว่าบริษัทจะกลับมามีเงินปันผลรับจาก บริษัทผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ( RATCH ) อีกครั้ง

ส่วนผลกำไรจากการทำประกันความเสี่ยงของราคาถ่านหินคาดว่าจะลดลงต่อจากไตรมาสก่อนจากการที่ราคาถ่านหินในปัจจุบันมีการฟื้นตัวขึ้นมาพอสมควรจากครึ่งปีแรก ในส่วนของผลกำไรปกติจาก BLCP คาดว่าจะยังดีอยู่เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT ) ยังสั่งเดินเครื่องเต็มที่อยู่เนื่องจาก BLCP มีต้นทุนการผลิตต่ำ จากการที่ผลกำไรปกติครึ่งปีแรกที่เราคาดไว้ที่ 7,241 ล้านบาทคิดเป็น 68% ของประมาณการผลกำไรปกติทั้งปีนี้ที่ 10,579 ล้านบาท หรือ 38.93 บาทต่อหุ้น เติบโต 15% yoy และแนวโน้มผลกำไรที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงในครึ่งปีหลังตามราคาจำหน่ายถ่านหินเฉลี่ยที่คาดว่าจะลดลง ทำให้ยังคงประมาณการผลกำไรเดิมไว้

โดย กิมเอ็ง ฯ คาดปันผลระหว่างกาล 7 บาทต่อหุ้น คงคำแนะนำ " ซื้อเก็งกำไร " ให้ราคาเป้าหมาย 410 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 2.2%ราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ PER 8.0 เท่าและมีส่วนต่างราคาหุ้น (upside) อีก 31% จากราคาที่เหมาะสมตามวิธี sum-of-the-part ของบริษัทที่ประเมินไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น