นายกรัฐมนตรี ยืนยัน รัฐบาลไม่เร่งแปรรูปรัฐวิสาหกิจในช่วงนี้ เพราะภาวะตลาดยังไม่เหมาะสมให้ดำเนินการ ขณะที่กิจการที่มีความพร้อม ยังมีลักษณะผูกขาด หากเร่งแปรรูปประชาชนจะไม่ได้รับผลประโยชน์ เพราะมุ่งแต่กำไร ไม่เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ วานนี้ ในหัวข้อ “การแก้วิกฤตและการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจไทยเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว” ให้กับนักศึกษาหลักสูตรผู้บริหารระดับ สถาบันวิทยาการตลาดทุน (วตท.) ที่ห้องประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยระบุว่า บทบาทของตลาดทุนในประเทศไทยยังเป็นสิ่งที่ประชาชนมีความรู้เข้าใจค่อนข้างน้อย และมีบางสิ่งที่อาจเป็นภาพที่คนส่วนใหญ่คิดไม่ออกว่า เกี่ยวกับตัวเองอย่างไร
“ผมเคยหารือกับผู้บริหารจากสหรัฐฯ เรื่องเศรษฐกิจ มีประเด็นเรื่องของธนาคารที่ไม่ปล่อยสินเชื่อ ซึ่งเขาบอกว่า แหล่งทุนสำคัญไม่ได้อยู่ที่ธนาคาร ซึ่งตรงข้ามกับเราและภูมิภาคเอเซียที่เวลาระบบสถาบันการเงินมีปัญหา ก็จะเกิดวิกฤตเหมือนรอบที่แล้ว ดังนั้น ถ้าเราไม่พึ่งระบบธนาคารมากเกินไป ก็คงจะไม่เกิดวิกฤตมากขนาดนั้น”
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยระบุว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจและภาวะตลาดโดยทั่วไป ขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะสามารถดำเนินการได้ ส่วนรัฐวิสาหกิจที่พร้อมจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ส่วนใหญ่ก็ยังมีลักษณะผูกขาดอยู่ ดังนั้น เมื่อมีการแปรรูปเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว ก็จะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนรวมถึงเศรษฐกิจโดยรวม
“หากจะนำรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในอนาคต จำเป็นที่จะต้องมีการจัดโครงสร้างการแข่งขันให้ดี เพื่อให้ธุรกิจของรัฐวิสาหกิจมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมกับธุรกิจแบบเดียวกันในตลาด ซึ่งแม้จะทำให้รัฐวิสาหกิจมีมูลค่าลดลงเมื่อนำเข้ามาจดทะเบียน แต่ก็มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ”
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ตนเองเห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรี เพราะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ เราจะต้องสร้างความพร้อมของการแข่งขันให้เกิดขึ้นก่อน อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า รัฐวิสาหกิจบางแห่งอาจทำได้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภค แต่ในส่วนของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่บริการพื้นฐาน เช่น ธุรกิจคมนาคม ก็ยังน่าจะมีโอกาสอยู่
สำหรับประเด็นการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์นั้น โดยส่วนตัวไม่สนับสนุนให้เกิดขึ้น เพราะปัจจุบันตลาดหลักทรัยพ์ยังมีทุนที่เพียงพอในการทำธุรกิจอยู่ และจากการที่ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินกิจการมานาน ทำให้ไม่มีใครเป็นคู่แข่ง จึงเสมือนว่า ตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้ผูกขาดในตลาดนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงว่าหากมีการแปรรูปเกิดขึ้นจะทำให้ตลาดหลักทรัพย์มุ่งแต่แสวงหากำไร จนละเลยการพัฒนาในส่วนอื่นๆ ที่เคยทำ เช่น ด้านการศึกษา