xs
xsm
sm
md
lg

"ซีพี" เปิดเกมรุกสู้วิกฤต ศก.ปี 52 มั่นใจสินค้าเกษตรยังแข็งแกร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้บริหาร "ซีพี" ชี้ราคาสินค้าเกษตรปี 52 มีโอกาสปรับขึ้นได้ พร้อมเปิดแผนเจาะตลาดสินค้าเกษตรในต่างประเทศ ทั้งผลไม้ และสินค้าแปรรูป เน้นรูปแบบธุรกิจครบวงจร เจาะลึกถึงความต้องการผู้บริโภค มั่นใจตลาดยังขายตัวได้ท่ามกลางวิกฤต

นายมนตรี คงตระกูลเทียน ประธานคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตร เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า สินค้าเกษตรไทยหลายชนิดยังมีโอกาสที่ราคาดีขึ้น หากเกษตรกรสามารถที่จะพัฒนากระบวนการผลิตและคุณภาพให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค

ดังนั้น ในปีนี้กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร จึงมุ่งเน้นส่งเสริมให้เกษตรกรเครือข่าย ใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การใช้สายพันธุ์พืชที่มีประสิทธิภาพ เครื่องจักรกลทางการเกษตร เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยพื้นที่ และพัฒนาคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้

ทั้งนี้ ซีพีให้ความสำคัญในการนำผลไม้ไทยไปสู่ตลาดโลก โดยเฉพาะมังคุดที่ได้รับความสนใจสั่งซื้อจากญี่ปุ่นและออสเตรเลีย แต่มีข้อจำกัดต้นทุนขนส่งค่อนข้างสูง เพราะต้องขนส่งทางอากาศเท่านั้น ทำให้ไทยส่งออกมังคุดไปยังญี่ปุ่นปีละ 100 ตัน ออสเตรเลีย 100 ตัน เพื่อขยายการส่งออกไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ซีพีจึงพัฒนาเทคโนโลยีการส่งออกมังคุดทางเรือในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อควบคุมสภาวะและการเก็บรักษาภายในตู้คอนเทนเนอร์ให้เหมาะสม

"การขนส่งทางเรือโดยรักษาความสดและรสชาติอร่อยเหมือนการขนส่งทางอากาศ เพราะจะลดต้นทุนกว่าร้อยละ 60 คาดว่าปี 2552 จะส่งออกมังคุดไปญี่ปุ่นและออสเตรเลียประเทศละ 150 ตัน และยังเตรียมเจรจาเปิดตลาดใหม่ทั้งสหภาพยุโรป รัสเซีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งมีกำลังซื้อสูง และยังเป็นประเทศที่ชื่นชอบมังคุดไทย"

นายมนตรี ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กลุ่มซีพียังมีแผนขยายการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันในรูปแบบครบวงจร เพื่อรองรับความต้องการพืชพลังงาน ที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากกระแสราคาน้ำมันดิบ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ซีพี-เมจิ ตั้งเป้าหมายมียอดขายไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 โดยทุ่มงบทางการตลาดกว่า 60 ล้านบาท เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดนมพาสเจอร์ไรซ์ในการครองส่วนแบ่งการตลาดถึงร้อยละ 50 โดยเตรียมบุกตลาดมาเลเซียด้วยสินค้าประเภทใหม่ๆ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การเติบโตของบริษัทขยายตัวในเลข 2 หลักได้ในปี 2553

นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ ฟู้ด จำกัด กล่าวว่า ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวกำลังซื้อผู้บริโภคลดลงมาก ทำให้การแข่งขันธุรกิจฟาสท์ฟู้ดรุนแรงขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับปี 2551 ที่มียอดขาย 1,200 ล้านบาท เตรียมงบประมาณโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อทำตลาดประมาณ 50 ล้านบาท และเตรียมเพิ่มสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ 20 สาขา

น.ส.กุลยา เดชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเต้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านไอศกรีมเอเต้ กล่าวว่า ปีนี้คาดว่ายอดขายไอศกรีมของบริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 มีรายได้รวมประมาณ 75 ล้านบาท ขณะที่บริษัทใช้นโยบายกระตุ้นยอดขายด้วยโปรโมชั่นพยายามเพิ่มสมาชิกร้านค้าที่ให้สิทธิพิเศษ ซึ่งมีประมาณ 5,000 ราย และขยายสาขาเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี 12 สาขาในกรุงเทพฯ 7 สาขา และภูเก็ต 5 สาขา
กำลังโหลดความคิดเห็น