ชี้วิกฤตเศรษฐกิจทำคนถูกยึดทรัพย์พุ่ง ทำให้สินทรัพย์ในมือกรมบังคับคดีเพิ่มสูงต่อเนื่อง ตั้งเป้าขายให้ได้ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนล้านบาท แม้ติดปัญหาผู้ซื้อลดลง หลังแบงก์คุมเข้มสินเชื่อก็ตาม เผยคนเชียงรายถูกยึดทรัพย์บ้าน-ที่ดินสูงกว่า98%
นายสิรวัต จันทรัฐ อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า วิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลต่อการฟ้องร้องบังคับคดีมากขึ้น โดยพบว่า ปริมาณทรัพย์สินที่เข้าสู่ระบบบังคับคดีและการผลักดันทรัพย์สินออกจากการบังคับคดีสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อก็ลดลง สาเหตุคงมาจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อลดความเสี่ยงโดยเฉพาะสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์
จากการประเมินพบว่า ผู้ที่เข้าซื้อทรัพย์ราว 80-90% มีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นั่นหมายความว่า ผู้ซื้อทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีปัญหาทางการเงิน นอกจากผู้ซื้อทั่วไปดังกล่าวแล้ว ยังมีสถาบันการเงินที่ซื้อทรัพย์เอาไว้เอง แต่กลุ่มนี้ก็ชะลอการซื้อและไม่เก็บทรัพย์ไว้กับสถาบัน แต่จะเก็บไว้ที่กรมบังคับคดีแทน
นายสิรวัตร กล่าวว่า ในปี 2551 กรมบังคับคดีตั้งเป้าในการผลักดันทรัพย์สินออกไปประมาณ 110,000 ล้านบาท แต่สมารถดำเนินการผลักดันสินทรัพย์ได้มากกว่าเป้าคือจำนวน 119,990 ล้านบาท คิดเป็น 109.08% ส่วนในปีงบประมาณ 2552 (ต.ค.51-ก.ย.52) วางเป้าผลักดันทรัพย์สินจำนวน 120,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินการในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 52 (ต.ค.-ธ.ค.51) สามารถผลักดันทรัพย์สินได้ 47,818 ล้านบาท ไตรมาสสองของปีงบประมาณ (ม.ค.-มี.ค.52) จำนวน 21,985 ล้านบาท รวม6เดือนแรกของปีงบประมาณ52 สามารถผลักดันทรัพย์สินไปได้แล้ว 69,800 ล้านบาท
ด้านนาย ธนพร โปธานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดี จ.เชียงราย กล่าวว่า ทรัพย์ที่ยึดได้ใน จ.เชียงรายประมาณ 98 % เป็นประเภทที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยแบ่งเป็นบ้านและที่อยู่อาศัย 78 % ที่ดินสำหรับทำการเกษตร 22 % สำหรับแนวโน้มในอนาคตคาดว่าจะมีการยึดทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ในทางกลับกันสำนักงานบังคับคดีก็สามารถผลักดันทรัพย์สินในปีงบประมาณ 51 ได้ถึง 1,669 ล้านบาท
สำหรับในปีงบประมาณ52 มีเป้าหมายการผลักดันทรัพย์สินจำนวน 1,644 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ สามารถผลักดันทรัพย์สินได้แล้วจำนวน 772 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าแน่นอน
นายสิรวัต จันทรัฐ อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า วิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันส่งผลต่อการฟ้องร้องบังคับคดีมากขึ้น โดยพบว่า ปริมาณทรัพย์สินที่เข้าสู่ระบบบังคับคดีและการผลักดันทรัพย์สินออกจากการบังคับคดีสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อก็ลดลง สาเหตุคงมาจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อลดความเสี่ยงโดยเฉพาะสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์
จากการประเมินพบว่า ผู้ที่เข้าซื้อทรัพย์ราว 80-90% มีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน นั่นหมายความว่า ผู้ซื้อทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีปัญหาทางการเงิน นอกจากผู้ซื้อทั่วไปดังกล่าวแล้ว ยังมีสถาบันการเงินที่ซื้อทรัพย์เอาไว้เอง แต่กลุ่มนี้ก็ชะลอการซื้อและไม่เก็บทรัพย์ไว้กับสถาบัน แต่จะเก็บไว้ที่กรมบังคับคดีแทน
นายสิรวัตร กล่าวว่า ในปี 2551 กรมบังคับคดีตั้งเป้าในการผลักดันทรัพย์สินออกไปประมาณ 110,000 ล้านบาท แต่สมารถดำเนินการผลักดันสินทรัพย์ได้มากกว่าเป้าคือจำนวน 119,990 ล้านบาท คิดเป็น 109.08% ส่วนในปีงบประมาณ 2552 (ต.ค.51-ก.ย.52) วางเป้าผลักดันทรัพย์สินจำนวน 120,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินการในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 52 (ต.ค.-ธ.ค.51) สามารถผลักดันทรัพย์สินได้ 47,818 ล้านบาท ไตรมาสสองของปีงบประมาณ (ม.ค.-มี.ค.52) จำนวน 21,985 ล้านบาท รวม6เดือนแรกของปีงบประมาณ52 สามารถผลักดันทรัพย์สินไปได้แล้ว 69,800 ล้านบาท
ด้านนาย ธนพร โปธานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดี จ.เชียงราย กล่าวว่า ทรัพย์ที่ยึดได้ใน จ.เชียงรายประมาณ 98 % เป็นประเภทที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยแบ่งเป็นบ้านและที่อยู่อาศัย 78 % ที่ดินสำหรับทำการเกษตร 22 % สำหรับแนวโน้มในอนาคตคาดว่าจะมีการยึดทรัพย์สินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ในทางกลับกันสำนักงานบังคับคดีก็สามารถผลักดันทรัพย์สินในปีงบประมาณ 51 ได้ถึง 1,669 ล้านบาท
สำหรับในปีงบประมาณ52 มีเป้าหมายการผลักดันทรัพย์สินจำนวน 1,644 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ สามารถผลักดันทรัพย์สินได้แล้วจำนวน 772 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าแน่นอน
