xs
xsm
sm
md
lg

‘ทริส’ลดเครดิตเรทติ้งอีก1บจ. ยกโภคภัณฑ์-ปิโตรเคมีเสี่ยงสูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทริส เรทติ้ง เกาะติดบจ.ออกตั๋วเงินระยะสั้น หวั่นผิดนัดชำระหนี้ ล่าสุดปรับลดเครดิตเพิ่มอีก 1 แห่ง จากที่จับตาอยู่จำนวน 5-7 บริษัท ส่งผลปีนี้ลดเรทติ้งบจ.ไปแล้วรวม 5 บริษัท ด้านผู้บริหาร ระบุอุตสาหกรรมที่เสี่ยงถูกลดเครดิตมากที่สุด ได้แก่ สินค้าโภคภัณฑ์ ปิโตรเคมี เหตุราคาสินค้าผันผวนสูง และมีคู่แข่งจำนวนมาก

นายวรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทได้มีการปรับลดอันดับเครดิตเรทติ้งของบริษัทจดทะเบียน 1 แห่ง จากก่อนหน้านี้บริษัทอยู่ระหว่างการจับตา บจ.จำนวน 5-7 บริษัท เนื่องจาก ธุรกิจของบริษัทดังกล่าวมีการชะลอตัวและบริษัทดังกล่าวจะครบกำหนดในการชำระหนี้แต่ยังไม่ระบุแหล่งเงินทุนที่จะนำมาชำระหนี้ได้ชัดเจน จึงทำให้มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้

ทั้งนี้ส่งผลให้บริษัทได้มีการปรับลดอันดับเครดิตเรทติ้งบจ.ปีนี้ไปแล้วจำนวน 5 บริษัท ซึ่งถือว่าเป็นการปรับลดจำนวนที่สูง โดยในปีที่ผ่านมาได้มีการปรับลดอันดับเครดิตรวมจำนวน 6 บริษัท ส่วนประเด็นที่มีความกังวลในบริษัทจดทะเบียนไทยจะเป็นในเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งบริษัทจะมีการติดตามดูบจ.ที่มีการออกตั๋วเงินระยะสั้นเป็นพิเศษว่าจะสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ โดยจะพิจารณาจากแหล่งเงินทุนที่จะนำมาชำระหนี้ว่ามีความชัดเจนหรือไม่

" การจัดอันดับเรทติ้งนั้นบริษัทที่มีเรทติ้งดี ก็มีโอกาสที่ในภายหลังบริษัทนั้นมีการผิดนัดชำระหนี้ได้ โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการจัดอันดับเครดิตไปแล้วนั้น มีเพียง 1 บริษัท เท่านั้น ที่มีการผิดนัดชำระหนี้ คือ ทีเอสเอฟซี และตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา 15 ปี นั้นมีบริษัทได้มีการจัดเรทติ้งให้บจ.มีการระดมทุนถึง 1 ล้านล้านบาท เฉลี่ยปีละ 1 แสนล้านบาท " นายวรภัทร กล่าว

นางสาวนพลักษณ์ รักธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักวิจัยและพัฒนา บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงในการถูกปรับลดอันดับเครดิตมากสุดคือ อุตสาหกรรมที่มีความผันผวนสูงในเรื่องราคาสินค้า เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ ปิโตรเคมี เพราะถูกกำหนดราคาจากต่างประเทศ และมีคู่แข่งที่สูงจากมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาได้ง่าย แต่ หุ้นธุรกิจพลังงานนั้นจะมีเรทติ้งที่ดี เนื่องจากมีรายได้ที่แน่นอนกับการทำสัญญาซื้อขายที่แน่นอน กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจที่สามารถรู้ความเสี่ยงของธุรกิจในอนาคตได้ คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะมีความเสี่ยงจากนโยบายภาครัฐ ในโครงการขนาดใหญ่ และยังถูกระทบจากปัจจัยทางการเมือง ส่วนธุรกิจอาหารนั้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการถูกปรับลดเช่นกัน แต่บริษัทที่เข้ามาให้ทริสฯมีการจัดอันดับนั้น จะเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ คือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เพราะ บริษัทดังกล่าวมีการกระจายความเสี่ยงในการจำหน่ายสินค้าไปยังต่างประเทศและในประเทศ

“ปกติบริษัทที่จะถูกลดอันดับเรทติ้งจะเป็นบริษัทที่ได้รับเรทติ้งต่ำ มากกว่าบริษัทที่ได้รับเรทติ้ง ในระดับสูงๆ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวจะมีการแข่งขันที่สูง ซึ่งการที่ทริสจะให้เรทติ้งบริษัทใดเท่าไรนั้นจะมีการพิจารณาถึงแนวโน้มธุรกิจ ความสามารถแข่งขันและรวมถึงปัจจัยความเสี่ยงต่างๆไปอีก 2 ปีข้างหน้า ” นางสาว นพลักษณ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น