xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้ตั้งเป้าโต1.8หมื่นล้าน จับกระแสศก.โลกฟื้นเข็นFIFลุยต่างแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธีรนาถ รุจิเมธาภาส
บลจ.ทิสโก้ ตั้งเป้าเอยูเอ็มทั้งปีโต 1.8 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัว 20% ยอมรับครึ่งปีแรก เม็ดเงินใหม่ยังน้อย แต่มั่นใจแผนครึ่งปีหลัง โกยเงินตามเป้า เน้นจับกระแสเศรษฐกิจโลกฟื้น เข็นกองทุนลุยต่างประเทศ ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ พร้อมเอาใจลูกค้าความเสี่ยงสูง ต่อยอดซีรีส์หุ้นกู้

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ประมาณ 16,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับต้นปี 2552 ที่ผ่านมาที่มี AUM อยู่ที่ประมาณ 14,000 ล้านบาท พบว่าปรับตัวขึ้นมาประมาณ 12.74% โดยมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เรามองว่าทั้งปี 2552 นี้ สินทรัพย์รวมน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20% โดยช่วงเวลาที่เหลือ มีเเผนจะออกกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) 2-3 กองทุน

โดยจะเจาะไปที่กองทุนหุ้นเป็นหลัก ขณะเดียวกัน จะเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งในประเทศเเละต่างประเทศที่เป็นกองทุนเปิด เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน พร้อมกับเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ที่เข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ ควบคู่ไปด้วย โดยคาดว่าการขายกองทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้ามาเป็นจำนวนมาเเละเป็นไปตามเป้าที่เราได้วางไว้
ทั้งนี้ กองทุนที่บลจ.ทิสโก้ บริหารส่วนใหญ่ จะเป็นกองทุน FIF ประมาณ 61% ซึ่งเเบ่งได้ดังนี้ กองทุนรวมหุ้นต่างประเทศ 11% กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 46% เเละกองทุนคอมมอดิตี 4% โดยเราจะเจาะตลาดกลุ่มนักลงทุนค่อนข้างเเตกต่างกับบลจ.อื่นๆ เเต่เราเจาะกลุ่มลูกค้าระดับสูงที่มีพื้นฐานทางการลงทุนเป็นหลัก ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา เราจึงมีกองทุนที่เเตกต่างจากกองทุนที่มีในตลาด โดยในช่วงครึ่งปีเเรก ต้องยอมรับว่าเม็ดเงินลงใหม่ๆเข้ามาลงทุนในบลจ.ทิสโก้ยังไม่มาก ประกอบกับหลายกองทุนที่เป็นกองตราสารหนี้ต่างประเทศต่างทยอยครบอายุกันไป ดังนั้น นักลงทุนก็อาจจะโยกเงินดังกล่าวไปลงทุนในกองทุนอื่นๆ บ้าง

"เรามองว่ากองทุนที่จะออกในครึ่งปีที่เหลือนี้ จะช่วยทำให้ AUM เพิ่มขึ้นเเละเป็นไปตามเป้า เเม้ว่าขนาดของกองทุนที่จะออกในอนาคตอาจจะไม่ใหญ่มากนัก นอกจากนี้ เราจะใช้เเบงก์ทิสโก้เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยในการขายกองทุนมากขึ้นด้วย"นายธีรนาถ กล่าว

 สำหรับเเผนการออกกองทุนในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือนี้ เราจะให้ความสำคัญไปที่กองทุน FIF เป็นหลัก โดยเทรนด์ในช่วงที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจในหลายประเทศอย่างเช่นสหรัฐฯได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเเล้ว เราจึงมองว่าการลงทุนในต่างประเทศในช่วงเวลานี้ก็น่าจะเหมาะสม ซึ่งการลงทุน FIF จะเป็นการลงทุนเเบบ passive เป็นหลัก โดยอาจจะเป็นการลงทุนใน ETF ของต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า บลจ.ทิสโก้ให้น้ำหนักกับการออกซีรีย์กองทุนทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส ที่ลงทุนในหุ้นกู้เป็นหลัก เพราะเรามองว่าการลงทุนในหุ้นกู้น่าจะให้ผลตอบเเทนที่ดี เนื่องจากเครดิตสเปรดของหุ้นกู้นั้นค่อนข้างสูง ทำให้กองทุนได้ผลตอบเเทนจากส่วนต่างของเครดิตสเปรดสูงขึ้น

ขณะเดียวกัน มีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาตลาดไม่มากนั้น เเละให้ผลตอบเเทนที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล โดยอายุกองทุนเฉลี่ยประมาณ 2 ปีให้ผลตอบเเทนประมาณ 3% ต่อปี เเละต้องมีเครดิตเรทติ้งตั้งเเต่ A ขึ้นไป ซึ่งในช่วงครึ่งปีที่เหลือก็จะทยอยเปิดขายกองทุนประเภทดังกล่าวอีกด้วย

 "เรามองว่านักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงขึ้น เพื่อหาผลตอบเเทนที่ดีกว่าในช่วงที่ภาวะดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งต้องถือว่าการลงทุนในหุ้นกู้เป็นบันไดขั้นเเรกของนักลงทุนที่อยากลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง"นายธีรนาถ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น