บิ้กเอ็มเอฟซี เดินหน้าหารือกระทรวงคลัง ชงตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 เสนอการันตีผลตอบเเทนเเละคุ้มครองเงินต้นเหมือนกองแรก ดึงความสนใจจากนักลงทุน คาดได้เห็นกลางปีหน้า พร้อมหนุนแผนรับกู้เงิน 4 แสนล้าน ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนบรรยากาศหุ้นกลับมาคึกคัก ยังมอว่าเป็นแค่ส่วนน้อย ลุ้นหากดัชนีดีขึ้นต่อเนื่อง ดึงเม็ดเงินได้อีกเพียบ ระบุพื้นฐานของหุ้น ตัวเลขจีดีพีที่ลดลง 2 ปัจจัยที่ต้องจับตา
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ว่า ตอนนี้กำลังหารือกับกระทรวงการคลังอยู่ ซึ่งทางบลจ.เองมีความพร้อมทางด้านเทคนิคเเละไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งขณะนี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนดูความเหมาะสมว่าจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้เมื่อไร เเละการพิจรณารายละเอียดการลงทุน รูปเเบบการลงทุน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงการคลัง ขณะเดียวกันหากกองทุนวายุภักษ์ 2 มีการการันตีผลตอบเเทนเเละคุ้มครองเงินต้นเหมือนกับกองทุนวายุภักษ์ 1 จะทำให้ประชาชนชนมั่นใจเเละเข้ามาลงในกองทุนดังกล่าวมากขึ้นอีกด้วย
"คาดว่าโครงการกองทุนวายุภักษ์ 2 น่าจะพร้อมระดมทุนได้ในช่วงกลางปี 2553 ไม่ไตรมาส 1 ก็ช่วงไตรมาส2 " นายพิชิต กล่าว
สำหรับกรณีที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงินมูลค่า 400,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ตนเชื่อว่าเป็นสิ่งจำเป็นและเห็นด้วยที่รัฐบาลดำเนินการ เพราะประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเเละปัญหาทางการเมืองจนทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอย ทำให้ต้องหาตัวกระตุ้นเศรษฐกิจมาทดแทนการส่งออกที่ถดถอยลง ซึ่งแม้ปริมาณการลงทุนจะมีสัดส่วนน้อยหากเทียบกับรายได้จากการส่งออก แต่ยังดีกว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร เพราะขณะนี้รัฐบาลมีข้อจำกัดเรื่องรายได้ที่ไม่เข้าเป้า ดังนั้น ต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเร่งการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ส่วนการที่จะมีการตั้งคณะกรรมการติตตามโครงการลงทุนสาธารณะเช่น นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะรายชื่อก็เป็นที่ยอมรับของสังคม มีความโปร่งใส น่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และเชื่อว่าจะสามารถเร่งการลงทุนได้
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลจะออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนในตลาดนั้น คงจะไม่เกิดปัญหาแย่งสภาพคล่องในตลาดการเงิน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีบริษัทอกชนออกหุ้นกู้มาเพื่อมาระดมทุนเเทนการกู้เงินของธนาคารก็ตาม
สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นายพิชิตกล่าวว่า จากการที่ตลาดหุ้นในช่วงนี้มีความเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น เป็นตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น โดยนักลงทุนทั้งในประเทศเเละต่างประเทศ เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีเเละมองว่าตลาดหุ้นผ่านจุดต่ำสุดไปเเล้วจึงทยอยเข้ามาลงทุน ซึ่งนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตอนนี้ ถือว่ายังเป็นเเค่ส่วนน้อย และหากตลาดหุ้นเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนือง เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินจำนวนมากเข้ามาลงทุน
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่น่าจับตามองตอนนี้คือ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเเละความกังวลอีกอย่างคือ ตัวเลขจีดีพีที่ลดลง ส่วนเรื่องปัญหาทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก เเต่เชื่อว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์รุนเเรงเหมือนที่ผ่านมา สำหรับพอร์ตการลงทุนในกองทุนหุ้นช่วงนี้ ทางผู้จัดการกองทุนไม่ได้ปรับพอร์ตการลงทุนเเต่ก็มีการซื้อขายบ้างเป็นบางตัว
นายพิชิตกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ผ่อนผันหลักเกณฑ์การถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) เกินกว่า 1 ใน 3 เป็นการชั่วคราวเพื่อบรรเทาผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจให้แก่กองทุนในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีซึ่งจะทำให้บลจ.จัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายขึ้น เเต่อาจจะต้องระวังเรื่องของผู้ประกอบการหรือเจ้าของสินทรัพย์ที่ไม่ดีใช้ช่องทางดังกล่าวเพื่อหลีกเหลี่ยงภาษี ซึ่งทางกลต.อาจจะต้องออกบทลงโทษเพื่อป้องกันการใช้ช่องทางดังกล่าวเลี่ยงภาษี
**จับมือตลท.ร่วมพัฒนาตลาดทุน**
นายพิชิตกล่าวว่า บลจ.เอ็มเอฟซี ได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในโครงการส่งเสริมการเรียนโดย e-Learning ผ่านเวบไซด์ www.mfcfund.com รวมทั้งสื่อความรู้ด้านตลาดทุน โดยทางบลจ.จัดมุม “ความรู้ด้านตลาดทุน” หรือ SET Corner ไว้ที่ MFC fun (d) caf? อาคารคอลัมน์ทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อบริการแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน และประชาชนทั่วไปในการเสริมสร้าง และพัฒนาความรู้ด้านตลาดทุน นอกจากนี้ โครงการ e-Learning ยังนำมาใช้ภายในสำหรับพนักงานของบริษัทในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการบริหารเงินของตนเองอีกด้วย
ด้ายนายพันธ์ศักดิ์ เวชอนุรักษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือกับเอ็มเอฟซีในครั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มอบสื่อความรู้ด้านตลาดทุน (SET Corner) ได้แก่ หนังสือของตลาดหลักทรัพย์ฯ กว่า 100 เล่ม และโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน การออม และการลงทุนในรูปแบบ e-Learning ซึ่งประกอบด้วยหลักสูตรต่างๆ เช่น การเตรียมความพร้อมก่อนการลงทุน Internet Trading กลยุทธ์การลงทุนอย่างมืออาชีพสไตล์ Online Investors เป็นต้น ซึ่งผู้สนใจสามารถค้นคว้าด้วยตนเองอย่างสะดวก และเมื่อเรียนจบหลักสูตรแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ และเอ็มเอฟซีจะออกใบวุฒิบัตรให้กับผู้เรียนในแต่ละหลักสูตรอีกด้วย
นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ว่า ตอนนี้กำลังหารือกับกระทรวงการคลังอยู่ ซึ่งทางบลจ.เองมีความพร้อมทางด้านเทคนิคเเละไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งขณะนี้ กำลังอยู่ในขั้นตอนดูความเหมาะสมว่าจะจัดตั้งกองทุนดังกล่าวได้เมื่อไร เเละการพิจรณารายละเอียดการลงทุน รูปเเบบการลงทุน ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกระทรวงการคลัง ขณะเดียวกันหากกองทุนวายุภักษ์ 2 มีการการันตีผลตอบเเทนเเละคุ้มครองเงินต้นเหมือนกับกองทุนวายุภักษ์ 1 จะทำให้ประชาชนชนมั่นใจเเละเข้ามาลงในกองทุนดังกล่าวมากขึ้นอีกด้วย
"คาดว่าโครงการกองทุนวายุภักษ์ 2 น่าจะพร้อมระดมทุนได้ในช่วงกลางปี 2553 ไม่ไตรมาส 1 ก็ช่วงไตรมาส2 " นายพิชิต กล่าว
สำหรับกรณีที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.กู้เงินมูลค่า 400,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ตนเชื่อว่าเป็นสิ่งจำเป็นและเห็นด้วยที่รัฐบาลดำเนินการ เพราะประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเเละปัญหาทางการเมืองจนทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอย ทำให้ต้องหาตัวกระตุ้นเศรษฐกิจมาทดแทนการส่งออกที่ถดถอยลง ซึ่งแม้ปริมาณการลงทุนจะมีสัดส่วนน้อยหากเทียบกับรายได้จากการส่งออก แต่ยังดีกว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร เพราะขณะนี้รัฐบาลมีข้อจำกัดเรื่องรายได้ที่ไม่เข้าเป้า ดังนั้น ต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเร่งการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ส่วนการที่จะมีการตั้งคณะกรรมการติตตามโครงการลงทุนสาธารณะเช่น นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะรายชื่อก็เป็นที่ยอมรับของสังคม มีความโปร่งใส น่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และเชื่อว่าจะสามารถเร่งการลงทุนได้
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลจะออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนในตลาดนั้น คงจะไม่เกิดปัญหาแย่งสภาพคล่องในตลาดการเงิน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีบริษัทอกชนออกหุ้นกู้มาเพื่อมาระดมทุนเเทนการกู้เงินของธนาคารก็ตาม
สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นายพิชิตกล่าวว่า จากการที่ตลาดหุ้นในช่วงนี้มีความเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น เป็นตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น โดยนักลงทุนทั้งในประเทศเเละต่างประเทศ เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีเเละมองว่าตลาดหุ้นผ่านจุดต่ำสุดไปเเล้วจึงทยอยเข้ามาลงทุน ซึ่งนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตอนนี้ ถือว่ายังเป็นเเค่ส่วนน้อย และหากตลาดหุ้นเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนือง เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินจำนวนมากเข้ามาลงทุน
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่น่าจับตามองตอนนี้คือ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเเละความกังวลอีกอย่างคือ ตัวเลขจีดีพีที่ลดลง ส่วนเรื่องปัญหาทางการเมืองนั้น เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก เเต่เชื่อว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์รุนเเรงเหมือนที่ผ่านมา สำหรับพอร์ตการลงทุนในกองทุนหุ้นช่วงนี้ ทางผู้จัดการกองทุนไม่ได้ปรับพอร์ตการลงทุนเเต่ก็มีการซื้อขายบ้างเป็นบางตัว
นายพิชิตกล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ผ่อนผันหลักเกณฑ์การถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์) เกินกว่า 1 ใน 3 เป็นการชั่วคราวเพื่อบรรเทาผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจให้แก่กองทุนในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีซึ่งจะทำให้บลจ.จัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายขึ้น เเต่อาจจะต้องระวังเรื่องของผู้ประกอบการหรือเจ้าของสินทรัพย์ที่ไม่ดีใช้ช่องทางดังกล่าวเพื่อหลีกเหลี่ยงภาษี ซึ่งทางกลต.อาจจะต้องออกบทลงโทษเพื่อป้องกันการใช้ช่องทางดังกล่าวเลี่ยงภาษี
**จับมือตลท.ร่วมพัฒนาตลาดทุน**
นายพิชิตกล่าวว่า บลจ.เอ็มเอฟซี ได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในโครงการส่งเสริมการเรียนโดย e-Learning ผ่านเวบไซด์ www.mfcfund.com รวมทั้งสื่อความรู้ด้านตลาดทุน โดยทางบลจ.จัดมุม “ความรู้ด้านตลาดทุน” หรือ SET Corner ไว้ที่ MFC fun (d) caf? อาคารคอลัมน์ทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อบริการแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน และประชาชนทั่วไปในการเสริมสร้าง และพัฒนาความรู้ด้านตลาดทุน นอกจากนี้ โครงการ e-Learning ยังนำมาใช้ภายในสำหรับพนักงานของบริษัทในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการบริหารเงินของตนเองอีกด้วย
ด้ายนายพันธ์ศักดิ์ เวชอนุรักษ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สถาบันกองทุนเพื่อพัฒนาตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือกับเอ็มเอฟซีในครั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มอบสื่อความรู้ด้านตลาดทุน (SET Corner) ได้แก่ หนังสือของตลาดหลักทรัพย์ฯ กว่า 100 เล่ม และโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน การออม และการลงทุนในรูปแบบ e-Learning ซึ่งประกอบด้วยหลักสูตรต่างๆ เช่น การเตรียมความพร้อมก่อนการลงทุน Internet Trading กลยุทธ์การลงทุนอย่างมืออาชีพสไตล์ Online Investors เป็นต้น ซึ่งผู้สนใจสามารถค้นคว้าด้วยตนเองอย่างสะดวก และเมื่อเรียนจบหลักสูตรแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ และเอ็มเอฟซีจะออกใบวุฒิบัตรให้กับผู้เรียนในแต่ละหลักสูตรอีกด้วย