xs
xsm
sm
md
lg

‘ศุกรีย์’หวั่นแปรรูปตลาดหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ศุกรีย์” เอ็มดีตลาดหุ้นไทยคนแรก แนะตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องศึกษาการแปรรูปเป็นบริษัทมหาชนให้รอบคอบ หวั่นขัดต่อวัตถุประสงค์การจัดตั้ง “ไม่แสวงหากำไร” พร้อมย้ำจัดสรรเงินกองทุน 1 หมื่นล้านให้โปร่งใส-เป็นธรรม โดยคำนึงถึงผู้ร่วมก่อตั้งเป็นหลัก ด้านบจ.รุ่นบุกเบิก เสนอตลาดหลักทรัพย์ฯ-ก.ล.ต.อย่าออกกฎเกณฑ์ถี่จนปรับตัวไม่ทัน และต้องทำประชาพิจารณ์ให้ขยายวงกว้างมากขึ้น ขณะที่ “ปกรณ์” เผย 34 ปี บริษัทจดทะเบียนระดมทุนผ่านตลาดหุ้นแล้วกว่า 2.4 ล้านล้านบาท

วานนี้ (30 เม.ย.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดงานครบรอบ 34 ปี “Celebrating 30+ Years as a Listed Company” โดยจัดเสวนา “บริษัทจดทะเบียน... ผู้ร่วมเดินทางกว่า 30 ปี กับตลาดหลักทรัพย์ฯ” ซึ่งมีบริษัทจดทะเบียนที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เกินกว่า 30 ปีเข้าร่วมงานถึง 32 บริษัท ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายศุกรีย์ แก้วเจริญ อดีตกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคนแรก กล่าวถึง แผนการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเฉพาะนโยบายการแปรสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นบริษัทมหาชน ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งที่ไม่ต้องการแสวงหาผลกำไร แม้ว่าจากผลการศึกษาตลาดหุ้นต่างประเทศพบว่าตลาดหุ้นที่ไม่แปรสภาพจะไม่มีประสิทธิภาพ จากการที่ไม่มีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จำเป็นต้องแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน

ทั้งนี้ การดำเนินการแปรสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ จำเป็นต้องคำถึงต้นทุนของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กับบริษัทสมาชิก (โบรกเกอร์) เพราะการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นำเงินจากบจ.และบริษัทสมาชิก ซึ่งไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลเลย แต่ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเงินกองทุนเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท แต่ภายหลังตลาดหลักทรัพย์ฯได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในเรื่องมาตรการทางภาษีในการลดภาษีให้กับบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนทำให้มีความแตกต่างกับการเสียภาษีกับบริษัทนอกตลาด

สำหรับการที่จะมีการแปรสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯจะต้องมีการศึกษาและดำเนินการที่ดี เพื่อไม่ให้ขัดกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร และต้องคำนึงถึงบริษัทจดทะเบียน บริษัทสมาชิก ว่าควรที่จะได้รับการดูและจากตลาดหรือไม่ รวมทั้งต้องไม่ให้เกิดความขัดแย้งเรื่องของผลประโยชน์

“ผมไม่สบายในการเปลี่ยนแปลงของตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น จะขัดต่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือไม่ และสินทรัพย์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯมีอยู่มีเงินกองทุน 1 หมื่นล้านบาท ใครจะเป็นเจ้าของ จากที่เงินดังกล่าวนั้นเกิดจาก 4 ฝ่าย คือ บล. บจ. ทางการ และผู้ถือหุ้น ซึ่งจะต้องมีความระมัดระวังในการจัดสรรคเพราะถือเป็นสินทรัพย์ของแผ่นดิน หากมาแตะต้องเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม”

นายสุกรีย์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 34 ปีที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการดำเนินงานที่ดี ทำให้บริษัทจดทะเบียนมีการเติบโตมากขึ้นโดยการเพิ่มทุนจดทะเบียน และบจ.สามารถที่จะออกหุ้นที่ต่ำกว่าพาร์ได้ ทำให้สามารถผ่านวิกฤตในปี 2540 ได้ ขณะที่งานที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีการดำเนินต่อเนื่องจากนี้ คือ การมีสินค้าใหม่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงจะต้องมีการศึกษาพัฒนาสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น และในเรื่องสภาพคล่องการซื้อขายถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ

***วอนเฮียร์ริ่งวงกว้าง
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (SPI) กล่าวว่า กลุ่มบริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งสิ้นกว่า 20 บริษัท คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) รวม 5.8 หมื่นล้านบาท จากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯกว่า 30 ปีนั้น ทำให้สินทรัพย์ของบริษัทมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 หมื่นล้านบาท จากปีแรกที่เข้าจดทะเบียนมีสินทรัพย์เพียง 120 ล้านบาท และขณะนี้มีจำนวนผู้ถือหุ้นรวม 18,000 ล้านบาท

สำหรับประเด็นที่ต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับปรุงด้านการดำเนินงานนั้น คือ เรื่องการออกกฎเกณฑ์หรือแก้ไขกฎเกณฑ์จะต้องมีความชัดเจน จากปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งควรจะเปิดรับฟังความคิดเห็น (เฮียริ่ง) ในวงกว้างมากกว่าปัจจุบัน และคำนึงประโยชน์ของบุคคลในวงกว้างมากกว่าผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เพราะที่ผ่านมานั้นการมีเฮียริ่งยังไม่ทราบในวงกว้าง

ขณะเดียวกัน จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีเงินกองทุนเป็นจำนวนมากนั้น จึงต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดงานให้บจ.มีการออกบูธ เพื่อให้นักลงทุนสามารถที่จะเข้าไปพบหารือ หรือสอบถามข้อมูลของบริษัทกับทางผู้บริหารบจ. เพื่อให้นักลงทุนมีการคุ้นเคยและสอบข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้นในการตัดสินใจลงทุน
เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

***บ่นก.ล.ต.-ตลท.ออกเกณฑ์ถี่ยิบ
นายชนินทธ์ โทณวณิก กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดุสิทธิธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC กล่าวว่า ประเด็นที่ต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯและสำนักงาน ก.ล.ต. ปรับปรุงในเรื่องการออกกฎเกณฑ์ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีการออกหรือแก้ไขกฎเกณฑ์บ่อยมาก ดังนั้นจึงอยากให้มีการแก้ไขหรือออกกฎใหม่ ปีละครั้งได้หรือไม่ จากที่พนักงานของบริษัทมีการปรับตัวไม่ทัน

**34ปีระดมทุนแล้ว2.4ล้านล้าน
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพยฯ กล่าวในงานครบรอบ 34 ปี ของการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ตลอด 34 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีส่วนช่วยภาคธุรกิจระดมเงินทุนไปขยายกิจการแล้วถึง 2.4 ล้านล้านบาท นอกจากจะช่วยให้ธุรกิจมีการขยายตัว เกิดการจ้างงานแล้ว ยังเป็นทางเลือกในการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนให้กับผู้มีเงินออมและมีส่วนในการขยายฐานภาษีให้กับรัฐบาล ซึ่งจะเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นกลไกสำคัญในกรช่วยขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจรวมถึงมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินของประเทศ

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มากว่า 30 ปี ถึง 32 บริษัท ซึ่งบริษัทเหล่านี้ได้มีการขยายธุรกิจจนเติบโตมาพร้อมกับตลาดหลักทรัพย์ทำให้มูลค่าตลาด(มาร์เก็ตแคป)ในปีแรกซึ่งอยู่ที่ 14,156ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 664,180ล้านบาทในปัจจุบัน เพิ่มขึ้นถึง 4,591% เฉลี่ย 13%ต่อปี ขณะที่ยอดขายรวมปีแรกที่มีเพียง 19,220ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 722,761ล้านบาทในปี 51 หรือเพิ่มขึ้น 3,660% ด้านกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 1,544ล้านบาท เพิ่มเป็น 88,538ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5,634%เฉลี่ย 13%ต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น