รมช.คลังยันเร่งSMEแบงก์อนุมัติเงินกู้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้ภายใน 15 วัน ห่วงผู้ประกอบการนอกสมาคมไม่มีเงินกู้
ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ปล่อยกู้ 5 พันล้านบาท แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวยืนยันว่าในการพิจารณาปล่อยกู้ของธพว.จะเร่งอนุมัติได้ภายใน 15 วัน หลังจากสมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวและสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผ่านการพิจารณาและรับรองการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องภายใน 7 วัน
"ที่ยังเป็นห่วงคือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมเหล่านี้ คาดจะมีจำนวนมากและมีความต้องการเงินมากเช่นกัน ซึ่งขณะนี้แค่สมาชิกของสมาคมก็ขอสินเชื่อมาแล้วถึง 2.3 พันล้านบาท ดังนั้นหากมีความต้องการเงินมากกว่า 5 พันล้านบาท และพบว่าเงินที่นำไปใช้เกิดประสิทธิผลเต็มที่ รัฐบาลคงไม่ขัดข้องที่จะเพิ่มเงินให้" นายประดิษฐ์กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการนอกภาคสมาคมขอให้ไปติดต่อขอกู้ยืมได้ผ่านธนาคารหรือสมาคม นายประดิษฐ์ยังกล่าวถึงปัญหาหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) จากการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวว่า คงเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจากคาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและท่องเที่ยวน่าจะเริ่มดีขึ้น อีกทั้งสินเชื่อ 5 พันล้านนี้มีระยะปลอดชำระเงินต้นในช่วงปีแรก จากนั้นผู้ประกอบการจึงเริ่มชำระในปีที่ 2 หากกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ชำระเงินต้นประมาณ 100,000 บาทต่อเดือน บวกภาระดอกเบี้ยประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน คาดว่าคงไม่เป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการมากนัก เพราะรัฐบาลลดดอกเบี้ยเงินกู้เป็นเอ็มแอลอาร์ลบ 3% ซึ่งรัฐบาลจะช่วยชดเชยภาระดอกเบี้ย 2% ส่วนอีก 1% ธพว.จะชดเชยให้ นอกจากนี้ยังแยกบัญชีโครงการดังกล่าวมาอยู่ในการปล่อยสินเชื่อตามโครงการนโยบายของรัฐ เพื่อให้รัฐดูแลชดเชยความเสียหาย เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นวาระแห่งชาติ
ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ปล่อยกู้ 5 พันล้านบาท แก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวยืนยันว่าในการพิจารณาปล่อยกู้ของธพว.จะเร่งอนุมัติได้ภายใน 15 วัน หลังจากสมาคมโรงแรมไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวและสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผ่านการพิจารณาและรับรองการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องภายใน 7 วัน
"ที่ยังเป็นห่วงคือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมเหล่านี้ คาดจะมีจำนวนมากและมีความต้องการเงินมากเช่นกัน ซึ่งขณะนี้แค่สมาชิกของสมาคมก็ขอสินเชื่อมาแล้วถึง 2.3 พันล้านบาท ดังนั้นหากมีความต้องการเงินมากกว่า 5 พันล้านบาท และพบว่าเงินที่นำไปใช้เกิดประสิทธิผลเต็มที่ รัฐบาลคงไม่ขัดข้องที่จะเพิ่มเงินให้" นายประดิษฐ์กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการนอกภาคสมาคมขอให้ไปติดต่อขอกู้ยืมได้ผ่านธนาคารหรือสมาคม นายประดิษฐ์ยังกล่าวถึงปัญหาหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) จากการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวว่า คงเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจากคาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจและท่องเที่ยวน่าจะเริ่มดีขึ้น อีกทั้งสินเชื่อ 5 พันล้านนี้มีระยะปลอดชำระเงินต้นในช่วงปีแรก จากนั้นผู้ประกอบการจึงเริ่มชำระในปีที่ 2 หากกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ชำระเงินต้นประมาณ 100,000 บาทต่อเดือน บวกภาระดอกเบี้ยประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน คาดว่าคงไม่เป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการมากนัก เพราะรัฐบาลลดดอกเบี้ยเงินกู้เป็นเอ็มแอลอาร์ลบ 3% ซึ่งรัฐบาลจะช่วยชดเชยภาระดอกเบี้ย 2% ส่วนอีก 1% ธพว.จะชดเชยให้ นอกจากนี้ยังแยกบัญชีโครงการดังกล่าวมาอยู่ในการปล่อยสินเชื่อตามโครงการนโยบายของรัฐ เพื่อให้รัฐดูแลชดเชยความเสียหาย เพราะการท่องเที่ยวถือเป็นวาระแห่งชาติ
