บล.แอ๊ดคินซัน ฟุ้งดันเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้ 3%ไม่ยาก เหตุงานวาณิชธนกิจและที่ปรึกษาทางการเงินสร้างรายได้งาม เผยอยู่ระหว่างเจรจาควบรวมกิจการกับพันธมิตรหวังเพิ่งศักยภาพและเพิ่มขนาดองค์กรเป็นที่ยอมรับของลูกค้า และรองรับการเปิดเสรีในอนาคต รุกงานวาณิชฯและที่ปรึกษาการเงินเต็มสูบ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น บล. คันทรี่ กรุ๊ป หรือ CGS เริ่มใช้ 1 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป
นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์สิ้นปีนี้อยู่ที่ 3% จากปีก่อนอยู่ที่ 2% และปัจจุบันบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ประมาณ 2% กว่า ซึ่งเมื่อเทียบกับที่ผ่านมาในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจกำลังเติบโตไปได้ดีตัวเลขมาร์เก็ตแชร์ของบริษัทก็อยู่ที่ 3% จึงไม่ใช่เรื่องยากที่สิ้นปีนี้บริษัทจะสามารถรักษามาร์เก็ตแชร์ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการขยายงานใหม่
ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายธุรกิจเพิ่มไปสู่การให้บริการด้านวาณิชธนกิจ (IB) ซึ่งได้ดำเนินงานไประยะหนึ่งแล้ว และถือเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ที่ดีให้กับบริษัท และช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายงานใหม่ ๆ รวมถึงปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) โดยธุรกิจเหล่านี้บางส่วนได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว และบางส่วนก็ยังคงอยู่ในแผนการ คือการทำธุรกรรมให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) เพราะจากต้องรอดูความพร้อมของสถานการณ์ภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งปีหลังก่อนว่าจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่อย่างไร
ปัจจุบัน บริษัทมีดีลงานด้านวาณิชธนกิจอยู่จำนวน 3-4 ดีล และงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินอีกจำนวน 3-4 ดีลเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้เจรจากับผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัท รวมทั้งเปิดกว้างในการควบรวมกิจการ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีขนาดองค์กรใหญ่ขึ้น ทั้งชื่อเสียงและศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทได้ตั้งไว้ อีกทั้งยังเป็นการรองรับการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้นภายหลังการเเปิดเสรีในอนาคตด้วย
" เราไม่ได้ปิดประตูหรือหยุดหาผู้ร่วมมือในการทำธุรกิจ แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ของตลาดร่วมไปด้วยทั้งปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองบ้านเราอีก ซึ่งจากที่เป็นอยู่หากภาพรวมยังไม่ปรับตัวดีขึ้น เราก็คงไม่ต่างจากนั้น การเจรจากับพันธมิตร จึงเป็นเพียงการพูดคุยเบื้องต้นที่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรที่แน่ชัด เราก็มีเป้าหมายที่อยากจะติดอันดับและเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า และทุกวันนี้เราถือว่ามีเพียงพออยู่แล้ว อีกอย่างหากการเจรจาไม่ได้ข้อสรุปเราก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะเราปรับตัวมาโดยตลอดด้วยการทำธุรกรรมใหม่ " นายสดาวุธ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้หาทีมงานในส่วนของต่างประเทศเพิ่มจำนวน 7-8 ราย เพื่อนำมาสนับสนุนธุรกิจสถาบันต่างประเทศและรองรับงาน ด้านต่างประเทศที่อาจมีการเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้ปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนสาขาลงเหลือ 35 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 65 สาขา และลดจำนวนพนักงานลงเหลือ 500 กว่าคน จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 800 คน
ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้บริษัทได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS โดยจะมีผลในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต และสร้างความแปลกใหม่
นายสดาวุธ เตชะอุบล ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) หรือ ASL เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์สิ้นปีนี้อยู่ที่ 3% จากปีก่อนอยู่ที่ 2% และปัจจุบันบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ประมาณ 2% กว่า ซึ่งเมื่อเทียบกับที่ผ่านมาในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจกำลังเติบโตไปได้ดีตัวเลขมาร์เก็ตแชร์ของบริษัทก็อยู่ที่ 3% จึงไม่ใช่เรื่องยากที่สิ้นปีนี้บริษัทจะสามารถรักษามาร์เก็ตแชร์ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ผ่านมา อันเป็นผลจากการขยายงานใหม่
ทั้งนี้ บริษัทได้ขยายธุรกิจเพิ่มไปสู่การให้บริการด้านวาณิชธนกิจ (IB) ซึ่งได้ดำเนินงานไประยะหนึ่งแล้ว และถือเป็นช่องทางในการสร้างรายได้ที่ดีให้กับบริษัท และช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายงานใหม่ ๆ รวมถึงปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการรับเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) โดยธุรกิจเหล่านี้บางส่วนได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว และบางส่วนก็ยังคงอยู่ในแผนการ คือการทำธุรกรรมให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) เพราะจากต้องรอดูความพร้อมของสถานการณ์ภาพรวมตลาดในช่วงครึ่งปีหลังก่อนว่าจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่อย่างไร
ปัจจุบัน บริษัทมีดีลงานด้านวาณิชธนกิจอยู่จำนวน 3-4 ดีล และงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินอีกจำนวน 3-4 ดีลเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้เจรจากับผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัท รวมทั้งเปิดกว้างในการควบรวมกิจการ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีขนาดองค์กรใหญ่ขึ้น ทั้งชื่อเสียงและศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทได้ตั้งไว้ อีกทั้งยังเป็นการรองรับการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้นภายหลังการเเปิดเสรีในอนาคตด้วย
" เราไม่ได้ปิดประตูหรือหยุดหาผู้ร่วมมือในการทำธุรกิจ แต่ก็ต้องรอดูสถานการณ์ของตลาดร่วมไปด้วยทั้งปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองบ้านเราอีก ซึ่งจากที่เป็นอยู่หากภาพรวมยังไม่ปรับตัวดีขึ้น เราก็คงไม่ต่างจากนั้น การเจรจากับพันธมิตร จึงเป็นเพียงการพูดคุยเบื้องต้นที่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรที่แน่ชัด เราก็มีเป้าหมายที่อยากจะติดอันดับและเป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า และทุกวันนี้เราถือว่ามีเพียงพออยู่แล้ว อีกอย่างหากการเจรจาไม่ได้ข้อสรุปเราก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะเราปรับตัวมาโดยตลอดด้วยการทำธุรกรรมใหม่ " นายสดาวุธ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้หาทีมงานในส่วนของต่างประเทศเพิ่มจำนวน 7-8 ราย เพื่อนำมาสนับสนุนธุรกิจสถาบันต่างประเทศและรองรับงาน ด้านต่างประเทศที่อาจมีการเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ได้ปรับลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดจำนวนสาขาลงเหลือ 35 สาขา จากเดิมที่มีอยู่ 65 สาขา และลดจำนวนพนักงานลงเหลือ 500 กว่าคน จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 800 คน
ทั้งนี้ ในการประชุมครั้งนี้บริษัทได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS โดยจะมีผลในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต และสร้างความแปลกใหม่