xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.จวก"หางเเดง"ทำศก.ทรุด หวั่นกระทบชิ่งกองทุนหุ้น-LTF

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้บริหารบลจ.โอด กลุ่มคนเสื้อเเดงทำเศรษฐกิจไทยทรุดอีก เชื่อนักลงทุนไทย-เทศ ชะลอการลงทุนในตลาดหุ้น แม้ต่างประเทศเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่ผลกระทบต่อกองทุนรวม "แอลทีเอฟ-กองทุนหุ้น" หนีไม่พ้น นักลงทุนจ่อโยกเงินไปกองตราสารหนี้เเทน

นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาดกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลกระทบการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเเดงว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นไม่น่าจะส่งผลกระทบระยะยาวกับตลาดหุ้น เนื่องจากการชุมนุมครั้งนี้ไม่น่าจะยื้ดเยื้อ เเต่ถึงอย่างไรในช่วงที่มีการชุมนุมเกิดขึ้น เเน่นอนว่าตลาดหุ้นเเละเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้หากมองในมุมของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนยังประเทศไทยนั้น เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติคงชะลอการลงทุนเพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองว่าจะเป็นไปในทิศทางใด
"ผลกระทบของการชุมนุมนั้นอาจจะไม่กระทบกับตลาดหุ้นมากนัก เชื่อว่าดัชนีไม่น่าหลุด 300 เเละไม่น่าเกิน 380 ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศยังคงไม่เข้ามาลงทุนเเละคงรอดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศก็มีเป็นปัจจัยส่งผลกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นของเราอีกด้วย"นายจุมพล กล่าว
ส่วนผลของการชุมนุมจะกระทบต่ออุตสาหกรรมกองทุนรวมเเละบลจ.หรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าอุตสหกรรมกองทุนเเละบลจ.ได้รับผลกระทบเเน่นนอน ซึ่งการเติบโตของเม็ดเงินที่นักลงทุนเข้ามาลงทุนในกองทุนของบลจ.นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่กองทุนหุ้นนั้น นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนออกไปเพราะไม่มั่นในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ซึ่งกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) น่าจะได้รับผลกระทบเพราะเป็นกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้น 100% นักลงทุนก็คงรอดูสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นว่าจะไปในทิศทางใด จึงกลับเข้ามาลงทุน เเน่นอนว่าเม็ดเงินที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าวอาจจะชะลอตามไปด้วย
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ยูโอบี ให้ความเห็นว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มักไม่ชอบเหตุการณ์ที่ไม่เเน่นอน ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในตลาดหุ้น ส่วนการชุมนุมจะส่งผลกระทบกับการลงทุนในกองทุนรวมหรือไม่นั้น เเน่นอนว่าเมื่อตลาดหุ้นได้รับผลกระทบการลงทุนในกองทุนก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย โดยเฉพาะกองทุนหุ้น ซึ่งนักลงทุนต้องเเบ่งเป็น 2 ประเภทคือนักลงทุนในประเทศ เเละต่างประเทศ ในส่วนของนักลงทุนในประเทศนั้น กองทุนหุ้นอาจจะได้รับผลกระทบตรงที่นักลงทุนเกิดความกังวลว่าตลาดหุ้นจะเเกว่งตัว ทำให้เม็ดเงินที่จะลงทุนในหุ้นโยกไปลงทุนในกองทุนตราสารหนี้เเทน ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศคงรอดูสถานการณ์ว่าควรจะกลับเข้ามาลงทุนในช่วงเวลาไหน ซึ่งในเเง่ของนักลงทุนต่างชาติเองก็ไม่สามารถประเมินได้ว่าเหตุการณ์จะจบลงเมื่อไร ทั้งนี้คาดว่าน่าจะอยู่ที่ความรุนเเรงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านนายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ธนชาต จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเเดงยังประเมินไม่ได้ว่าจะชุมนุมไปอีกนานเท่าไร ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนออกมา ซึ่งการชุมนุมนั้นอาจะส่งผลต่อภาพรวมของตลาดหุ้นเเต่คงไม่มากเท่ากับผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกชะลอตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อตลาดหุ้นลงต่ำมาก (Bottom) เมื่อผ่านไปช่วงระยะหนึ่งหุ้นจะดีดกลับขึ้นมา (rebound)
ขณะที่นายชัยพฤกษ์ กุลกาญจนาธร ผู้จัดการกองทุนตราสารทุน บลจ.วรรณ มองว่า ตอนนี้สถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้นมีการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อเเดง น่าจะทำให้เศรษฐกิจทรุดลงไปอีกจากเดิมที่ย่ำเเย่อยู่เเล้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ประเมินสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อเเดงไว้ว่า การเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นคาดอ่อนตัวลงระยะสั้นแต่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ในที่สุด ซึ่งการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่มีการสะท้อนผลกระทบด้านลบเข้ามาในตลาดหุ้น แต่ผลจากการชุมนุมดังกล่าวจะเริ่มส่งผลต่อจิตวิทยาในเชิงลบต่อตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ ประกอบกับ การเข้าสู่ช่วงของการปรับฐานของตลาดหุ้นในต่างประเทศ ส่งผลให้มีโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะอ่อนตัวลง
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับลดลงของดัชนีจะไม่ผันผวนเมื่อเทียบกับในช่วงเดือนตุลาคม 2551 ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้นพร้อมกับปัญหาภาคการเงินในสหรัฐฯเกิดวิกฤตสภาพคล่องซึ่งส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยในขณะนั้นปรับลดลง 20% หรือราว 140 จุด สำหรับปัจจัยในเชิงบวกที่เชื่อว่าจะทำให้ตลาดปรับเพิ่มขึ้นได้นอกจากปัญหาการเมืองในประเทศที่เชื่อว่าจะไม่รุนแรงแล้ว คาดว่า ดัชนีตลาดหุ้นในต่างประเทศหลังจากการพักฐานจะสามารถปรับเพิ่มขึ้น (คงน้ำหนัก bear marketrally) จากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และ ผลประกอบการกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ที่จะออกมาในเชิงบวกในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีการตัดขาดทุนออกมาแต่เชื่อว่าแนวโน้มจะลดลงหลังจากเริ่มมีการประกาศใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ และ เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นของการเข้าซื้อนักลงทุนต่างชาติในตลาดเอเชีย
กำลังโหลดความคิดเห็น