อลิอันซ์ ซีพีประกันภัยเผยแผนรับเศรษฐกิจหด เน้นปรับบริการรักษาฐานลูกค้าเก่า พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่จูงใจลูกค้าทั้งมอเตอร์และนอนมอเตอร์ ตั้งเป้าปีนี้เบี้ยรวมโต 10%หรือเท่ากับ 2,300 ล้าน จากปีก่อนที่มีเบี้ย 2,100 ล้าน ขณะที่คาดเบี้ยรวมทั้งระบบโต 0%
นายปกิต เอี่ยมโอภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ประเมินภาพรวมของธุรกิจประกันภัยปีนี้ว่าอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยทั้งระบบจะเป็น 0% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยหลักๆก็จะเป็นส่วนของภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ส่งผลให้พฤติกรรมการทำธุรกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงกฎเกณฑ์ใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้อย่าง ระบบการจ่ายเบี้ยก่อนการคุ้มครอง(Cash Before Cover)หรือ CBC และการเตรียมความพร้อมในการกำหนดความเพียงพอของทุนโดยดูจากระดับความเสี่ยง(Risk Based Capital)หรือ RBC ที่คาดว่าจะใช้ภายใน 2 ปีข้างหน้าทำให้บริษัทประกันภัยต้องปรับตัวมากขึ้น
"ในปีนี้ธุรกิจประกันภัยคงโตน้อยมากหรือไม่ก็ไม่โตเลย และเชื่อจะอยู่ในลักษณะใกล้เคียงกันนี้ไปอีกสักปีสองปี จึงจะกลับมาขยายตัวได้ดี เนื่องจากธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่ไม่ได้สร้างดีมานด์ด้วยตัวเอง แต่ต้องอาศัยดีมานด์ที่เกิดจากธุรกิจหนึ่งเพื่อให้เกิดดีมานด์กับเรา ก็คือต้องให้มีการซื้อรถยนต์จึงจะมาทำประกันภัยรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งปีนี้คงเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ ลูกค้าที่ซื้อประกันก็เปลี่ยนพฤติกรรมไป จากที่เคยซื้อประกันชั้น 1 ก็จะเปลี่ยนมาเป็น 3 บวก เพราะระมัดระวังการใชัจ่ายมากขึ้น ดังนั้น โดยในแง่ของมูลค่าแล้วคงไม่โต แต่จะต้องหาปริมาณลูกค้าให้เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยมูลค่าที่ขาดหายไปจากการลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า"
สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันโดยรวมไว้ที่ 10% หรือคิดเป็นเบี้ยรวม 2,300 ล้านบาท จากสิ้นปี 2551 ที่มีเบี้ยประกันรวม 2,100 ล้านบาท โดยจะพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้เป็นหลัก พร้อมทั้งพยายามขยายเพิ่มในส่วนของลูกค้ารายย่อยเพิ่มเป็น 50% ต่อ 50%ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 40% ต่อ 60% รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจมอเตอร์กับนอน มอเตอร์เป็น 45% ต่อ 55% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 43% ต่อ 57% และขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคต่างๆมากขึ้น
นายปกิตกล่าวอีกว่า แนวทางการในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้จะเน้นการรักษาความแข็งแกร่งทางการเงิน ดูแลเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อรองรับเกณฑ์ RBC ของคปภ. รวมทั้งต้องรักษาฐานลูกค้าเก่า โดยการพัฒนางานด้านงานบริการอย่างครบวงจรและสม่ำเสมอ พร้อมกันนั้นจะต้องพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดความพึงพอใจต่อทั้งลูกค้าเก่า และจูงใจลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ยังต้องบริหารต้นทุนด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีนี้ที่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่เอื้อ และจะเพิ่มความเข้มข้นในการบริหารหนี้ค้างชำระ เพื่อป้องกันไม่ให้มีหนี้เสียเพิ่มขึ้นและจะกระทบถึงเงินกองทุนในที่สุด รวมทั้งอีกด้านที่ต้องระวังในช่วงภาวะเศรษฐกิจหดตัวก็คือการเคลมโดยไม่สุจริต ซึ่งเริ่มจะมีเข้าในช่วงนี้
"ช่วงนี้เป็นช่วงที่บริษัทประกันจะต้องปรับตัว ในระยะสั้นก็เพื่อความอยู่รอด ในระยะยาวเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ภายใต้กฎเกณฑ์ของคปภ.ที่จะทำให้บริษัทประกันภัยของไทยอยู่ในมาตรฐานเดียวกับบริษัทประกันภัยของต่างชาติ ซึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการขยายงานมากนัก ก็เป็นโอกาสที่บริษัทจะหันกลับมาดูแลและปรับปรุงภายในบริษัทให้ดี โดยบริษัทได้เร่งพัฒนาระบบไอทีให้เสร็จสิ้นในเร็วๆนี้ เพื่อให้ยกระดับการบริการลูกค้าให้ดีขึ้น"
นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ทั้งทางด้านประกันสุขภาพ(P/A)ได้แก่ PA Select 1 ,2,3 และ 4 ซึ่งจะมีความคุ้มครองแตกต่างกันตามความต้องการลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงเบี้ยประกันก็จะสูงขึ้นในลักษณะขั้นบันได ส่วนด้านประกันภัยรถยนต์ก็จะมีผลิตภัณฑ์ Power Plus Select 1,2 และ 3 เช่นกัน ซึ่งเชื่อจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่ออกมาในช่วงที่เหลือของปีจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้ตามเป้า
นายปกิต เอี่ยมโอภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ประเมินภาพรวมของธุรกิจประกันภัยปีนี้ว่าอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยทั้งระบบจะเป็น 0% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย โดยหลักๆก็จะเป็นส่วนของภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ส่งผลให้พฤติกรรมการทำธุรกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงกฎเกณฑ์ใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้อย่าง ระบบการจ่ายเบี้ยก่อนการคุ้มครอง(Cash Before Cover)หรือ CBC และการเตรียมความพร้อมในการกำหนดความเพียงพอของทุนโดยดูจากระดับความเสี่ยง(Risk Based Capital)หรือ RBC ที่คาดว่าจะใช้ภายใน 2 ปีข้างหน้าทำให้บริษัทประกันภัยต้องปรับตัวมากขึ้น
"ในปีนี้ธุรกิจประกันภัยคงโตน้อยมากหรือไม่ก็ไม่โตเลย และเชื่อจะอยู่ในลักษณะใกล้เคียงกันนี้ไปอีกสักปีสองปี จึงจะกลับมาขยายตัวได้ดี เนื่องจากธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่ไม่ได้สร้างดีมานด์ด้วยตัวเอง แต่ต้องอาศัยดีมานด์ที่เกิดจากธุรกิจหนึ่งเพื่อให้เกิดดีมานด์กับเรา ก็คือต้องให้มีการซื้อรถยนต์จึงจะมาทำประกันภัยรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งปีนี้คงเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ ลูกค้าที่ซื้อประกันก็เปลี่ยนพฤติกรรมไป จากที่เคยซื้อประกันชั้น 1 ก็จะเปลี่ยนมาเป็น 3 บวก เพราะระมัดระวังการใชัจ่ายมากขึ้น ดังนั้น โดยในแง่ของมูลค่าแล้วคงไม่โต แต่จะต้องหาปริมาณลูกค้าให้เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยมูลค่าที่ขาดหายไปจากการลดค่าใช้จ่ายของลูกค้า"
สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันโดยรวมไว้ที่ 10% หรือคิดเป็นเบี้ยรวม 2,300 ล้านบาท จากสิ้นปี 2551 ที่มีเบี้ยประกันรวม 2,100 ล้านบาท โดยจะพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้เป็นหลัก พร้อมทั้งพยายามขยายเพิ่มในส่วนของลูกค้ารายย่อยเพิ่มเป็น 50% ต่อ 50%ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 40% ต่อ 60% รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจมอเตอร์กับนอน มอเตอร์เป็น 45% ต่อ 55% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 43% ต่อ 57% และขยายฐานลูกค้าไปยังภูมิภาคต่างๆมากขึ้น
นายปกิตกล่าวอีกว่า แนวทางการในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้จะเน้นการรักษาความแข็งแกร่งทางการเงิน ดูแลเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อรองรับเกณฑ์ RBC ของคปภ. รวมทั้งต้องรักษาฐานลูกค้าเก่า โดยการพัฒนางานด้านงานบริการอย่างครบวงจรและสม่ำเสมอ พร้อมกันนั้นจะต้องพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดความพึงพอใจต่อทั้งลูกค้าเก่า และจูงใจลูกค้าใหม่ นอกจากนี้ยังต้องบริหารต้นทุนด้วยความระมัดระวัง รอบคอบ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีนี้ที่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่เอื้อ และจะเพิ่มความเข้มข้นในการบริหารหนี้ค้างชำระ เพื่อป้องกันไม่ให้มีหนี้เสียเพิ่มขึ้นและจะกระทบถึงเงินกองทุนในที่สุด รวมทั้งอีกด้านที่ต้องระวังในช่วงภาวะเศรษฐกิจหดตัวก็คือการเคลมโดยไม่สุจริต ซึ่งเริ่มจะมีเข้าในช่วงนี้
"ช่วงนี้เป็นช่วงที่บริษัทประกันจะต้องปรับตัว ในระยะสั้นก็เพื่อความอยู่รอด ในระยะยาวเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ภายใต้กฎเกณฑ์ของคปภ.ที่จะทำให้บริษัทประกันภัยของไทยอยู่ในมาตรฐานเดียวกับบริษัทประกันภัยของต่างชาติ ซึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการขยายงานมากนัก ก็เป็นโอกาสที่บริษัทจะหันกลับมาดูแลและปรับปรุงภายในบริษัทให้ดี โดยบริษัทได้เร่งพัฒนาระบบไอทีให้เสร็จสิ้นในเร็วๆนี้ เพื่อให้ยกระดับการบริการลูกค้าให้ดีขึ้น"
นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ทั้งทางด้านประกันสุขภาพ(P/A)ได้แก่ PA Select 1 ,2,3 และ 4 ซึ่งจะมีความคุ้มครองแตกต่างกันตามความต้องการลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงเบี้ยประกันก็จะสูงขึ้นในลักษณะขั้นบันได ส่วนด้านประกันภัยรถยนต์ก็จะมีผลิตภัณฑ์ Power Plus Select 1,2 และ 3 เช่นกัน ซึ่งเชื่อจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าว และอีกหลายผลิตภัณฑ์ที่ออกมาในช่วงที่เหลือของปีจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้ตามเป้า
