ก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์ฯลัดฟ้าร่วมสัมมนาตลาดหุ้นอาเซียนที่อินโดฯ เพื่อให้ข้อมูลเตรียมพร้อมการเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างภูมิภาค (อาเซียนบอร์ด) ด้านก.ล.ต.อาเชียนเล็งเสนอแนวทางพัฒนาในการประชุมรมว.คลังอาเซียน ที่จัดขึ้น ณ ประเทศไทย ช่วงเมษายนนี้ หวังเพื่อสร้างสภาพคล่องการซื้อขาย ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากภูมิภาคอื่น ด้านสมาคมนักวิเคราะห์รุกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมความเห็นการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนให้มากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและเล็ก หวังช่วยกระตุ้นความน่าสนใจลงทุน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเดินทางไปอินโดนีเซีย เพื่อร่วมงานสัมมนา Regional Capital Market Integration Seminar ที่ กรุงจาการ์ตา ซึ่งตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ได้มีการจัดสัมมาขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการเชื่อมโยงการซื้อขายหุ้นระหว่างตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียน ที่จะมีการจัดทำกระดานซื้อขายหุ้นอาเชียน (อาเซียนบอร์ด)
ทั้งนี้ทางก.ล.ต.ของอาเซียนได้มีการประชุมหารือร่วมกันในการพัฒนาตลาดหุ้นอาเซียนให้มีการเติบโตมากขึ้น โดยจะมีนำเรื่องนี้เสนอไปในการประชุมรัฐมนตรีนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนที่จะมีการจัดที่ประเทศไทยในเดือนเมษายนนี้ และหากตลาดหุ้นอาเซียนมีการรวมตัวกันและมีการออกสินค้ามาก็จะสร้างความน่าสนใจให้แก่นักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในอาเชียนมากขึ้น จากที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่มีขนาดใหญ่พอในการลงทุน ในช่วงปัญหาสถานการณ์วิกฤตสหรัฐและปัญหาเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น โดยขณะนี้ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ นั่นเอง
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การจัดสัมมนาดังกล่าว นั้นมี ตลาดหลักทรัพย์ฯ 5 ประเทศเข้ามาร่วมงานครั้งนี้ ส่วนตัวได้พูดเกี่ยวกับข้อมูลตลาดหุ้นไทยให้กับนักลงทุนในอินโดนีเซีย รับทราบ รวมถึงการทำงานร่วมกันในการที่จะเชื่อมโยงกัน ซึ่งหากมีการรวมตัวกันได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในภูมิภาคอื่นเข้ามา
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นในเอเชียแม้มีการรวมกันแล้วก็ยังคงมีขนาดที่เล็ก จากมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม(มาร์เกตแคป) 1.9% ของมาร์เกตแคปของตลาดหุ้นทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ นายธีระชัย กล่าวว่า ก.ล.ต.จะมีการประชุมร่วมกับทางชมรมวาณิชธนกิจ(ไอบี)เป็นประจำทุก 3 เดือน 6 เดือน เพื่อมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันเพื่อทำให้การดำเนินงานของชมรมไอบีเกิดความระเบียบมีกฎกติกาในการดำเนินงานที่ดีและสามารถกำกับดูแลกันเองได้ ซึ่งทีมไอบีนั้นถือว่ามีความสำคัญในการที่จะเลือกบริษัทที่ดี มีการดำเนินงานโปร่งใสเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อเป็นการดูแลนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขาย แต่ทางบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินจะต้องมีระบบการควบคุมภายในที่ดีไม่เกิดความเสียหายกับนักลงทุนและบริษัทจดทะเบียนเหมือนกับกรณีที่ผ่านมา หรือในกรณีของบล.บีฟิทในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบมจ. ไทยโพลีคอนส์
จี้บจ.เปิดเผยข้อมูลมากขึ้น
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯได้มีการหารือร่วมกับสมาคมบริษัทจดทะเบียน ชมรมนักลงทุนสัมพันธ์ เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน ในช่วงวิกฤตภาวะการลงทุนในช่วงนี้ ว่าในการวิเคราะห์ยังขาดข้อมูลอะไรบ้างในและให้บจ.มีการเปิดเผยข้อมูลกับนักวิเคราะห์เพื่อนำมาจัดทำบทวิเคราะห์ให้นักลงทุน ได้ทราบข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ได้อยู่ถูกต้อง
“ภาวะตลาดหุ้นไม่ดีนั้นทำให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนแต่หากบริษัทจดทะเบียนมีการเปิดเผยข้อมูลแก่นักลงทุนให้ทราบข้อมูลในบริษัท ซึ่งหากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี สร้างผลตอบแทนที่สูง ก็จะสร้างความน่าสนใจในการเข้ามาลงทุนในบริษัทมากขึ้น ”นายสมบัติ กล่าว
ทั้งนี้เบื้องต้นข้อมูลที่นักวิเคราะห์ต้องการนั่นคือ ต้องการให้บริษัทจดทะเบียนมีการชี้แจงงบการเงินให้ละเอียดเกี่ยวกับเหตุผลของผลประกอบการที่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 20% เนื่องจากปัจจุบันมีบางบริษัทที่มีการชี้แจงไม่ตรงประเด็นเกี่ยวกับเหตุผลของกำไรที่มีการปรับตัวลดลง และมีการชี้แจงเหตุผลไม่ชัดเจนทำให้นักวิเคราะห์จะต้องมีการโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลหลายๆบริษัท ซึ่งแม้ว่าผลผลประกอบการของบริษัทไม่ดี แต่ถ้ามีการชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนสาเหตุที่มา เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจ และสามารถที่จะพิจารณาในการตัดสินใจลงทุนได้
สำหรับบริษัทขนาดใหญ่นั้นที่ผ่านมาพบว่ามีการเปิดเผยข้อมูลที่ดี แต่บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กยังมีการเปิดเผยข้อมูลไม่มากนัก จึงต้องการให้บริษัทเหล่านี้มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น ซึ่งทางสมาคมนักวิเคราะห์จะมีการประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อที่จะมีการจัดประชุมกับบจ.เพื่อที่จะชี้แจงให้บริษัทเหล่านี้ เห็นถึงประโยชน์ของการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น โดยจะบอกถึงข้อดีในการเปิดเผยข้อมูลเพื่อทำให้นักลงทุนได้ทราบข้อมูลและเข้ามาลงทุนในบริษัท
นายสมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางสมาคมฯจะต้องมีการหารือกับทาง 2 หน่วยงานดังกล่าวอีกครั้ง และเชื่อว่าในอีก 2 เดือนจากนี้จะทราบว่าจะต้องการให้ทางบจ.มีการเปิดเผยข้อมูลใดบ้างที่จะให้นักลงทุนต้องการรับทราบจากการเขียนบทวิเคราะห์ แต่จากการหารือในครั้งนี้ทางบริษัทจดทะเบียนเองก็มีการแจ้งถึงเหตุผลได้หากมีการเปิดเผยข้อมูลที่มากเกินไปจะกระทบต่อการค้าการแข่งขันของบริษัท จากที่คู่แข่งทางการค้าที่อาจจะทราบถึงข้อมูลกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัท
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการเดินทางไปอินโดนีเซีย เพื่อร่วมงานสัมมนา Regional Capital Market Integration Seminar ที่ กรุงจาการ์ตา ซึ่งตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ได้มีการจัดสัมมาขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการเชื่อมโยงการซื้อขายหุ้นระหว่างตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียน ที่จะมีการจัดทำกระดานซื้อขายหุ้นอาเชียน (อาเซียนบอร์ด)
ทั้งนี้ทางก.ล.ต.ของอาเซียนได้มีการประชุมหารือร่วมกันในการพัฒนาตลาดหุ้นอาเซียนให้มีการเติบโตมากขึ้น โดยจะมีนำเรื่องนี้เสนอไปในการประชุมรัฐมนตรีนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนที่จะมีการจัดที่ประเทศไทยในเดือนเมษายนนี้ และหากตลาดหุ้นอาเซียนมีการรวมตัวกันและมีการออกสินค้ามาก็จะสร้างความน่าสนใจให้แก่นักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในอาเชียนมากขึ้น จากที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายที่มีขนาดใหญ่พอในการลงทุน ในช่วงปัญหาสถานการณ์วิกฤตสหรัฐและปัญหาเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น โดยขณะนี้ถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ นั่นเอง
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การจัดสัมมนาดังกล่าว นั้นมี ตลาดหลักทรัพย์ฯ 5 ประเทศเข้ามาร่วมงานครั้งนี้ ส่วนตัวได้พูดเกี่ยวกับข้อมูลตลาดหุ้นไทยให้กับนักลงทุนในอินโดนีเซีย รับทราบ รวมถึงการทำงานร่วมกันในการที่จะเชื่อมโยงกัน ซึ่งหากมีการรวมตัวกันได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในภูมิภาคอื่นเข้ามา
อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นในเอเชียแม้มีการรวมกันแล้วก็ยังคงมีขนาดที่เล็ก จากมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม(มาร์เกตแคป) 1.9% ของมาร์เกตแคปของตลาดหุ้นทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ นายธีระชัย กล่าวว่า ก.ล.ต.จะมีการประชุมร่วมกับทางชมรมวาณิชธนกิจ(ไอบี)เป็นประจำทุก 3 เดือน 6 เดือน เพื่อมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันเพื่อทำให้การดำเนินงานของชมรมไอบีเกิดความระเบียบมีกฎกติกาในการดำเนินงานที่ดีและสามารถกำกับดูแลกันเองได้ ซึ่งทีมไอบีนั้นถือว่ามีความสำคัญในการที่จะเลือกบริษัทที่ดี มีการดำเนินงานโปร่งใสเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อเป็นการดูแลนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขาย แต่ทางบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินจะต้องมีระบบการควบคุมภายในที่ดีไม่เกิดความเสียหายกับนักลงทุนและบริษัทจดทะเบียนเหมือนกับกรณีที่ผ่านมา หรือในกรณีของบล.บีฟิทในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบมจ. ไทยโพลีคอนส์
จี้บจ.เปิดเผยข้อมูลมากขึ้น
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯได้มีการหารือร่วมกับสมาคมบริษัทจดทะเบียน ชมรมนักลงทุนสัมพันธ์ เพื่อระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน ในช่วงวิกฤตภาวะการลงทุนในช่วงนี้ ว่าในการวิเคราะห์ยังขาดข้อมูลอะไรบ้างในและให้บจ.มีการเปิดเผยข้อมูลกับนักวิเคราะห์เพื่อนำมาจัดทำบทวิเคราะห์ให้นักลงทุน ได้ทราบข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ได้อยู่ถูกต้อง
“ภาวะตลาดหุ้นไม่ดีนั้นทำให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนแต่หากบริษัทจดทะเบียนมีการเปิดเผยข้อมูลแก่นักลงทุนให้ทราบข้อมูลในบริษัท ซึ่งหากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี สร้างผลตอบแทนที่สูง ก็จะสร้างความน่าสนใจในการเข้ามาลงทุนในบริษัทมากขึ้น ”นายสมบัติ กล่าว
ทั้งนี้เบื้องต้นข้อมูลที่นักวิเคราะห์ต้องการนั่นคือ ต้องการให้บริษัทจดทะเบียนมีการชี้แจงงบการเงินให้ละเอียดเกี่ยวกับเหตุผลของผลประกอบการที่มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 20% เนื่องจากปัจจุบันมีบางบริษัทที่มีการชี้แจงไม่ตรงประเด็นเกี่ยวกับเหตุผลของกำไรที่มีการปรับตัวลดลง และมีการชี้แจงเหตุผลไม่ชัดเจนทำให้นักวิเคราะห์จะต้องมีการโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูลหลายๆบริษัท ซึ่งแม้ว่าผลผลประกอบการของบริษัทไม่ดี แต่ถ้ามีการชี้แจงเหตุผลที่ชัดเจนสาเหตุที่มา เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจ และสามารถที่จะพิจารณาในการตัดสินใจลงทุนได้
สำหรับบริษัทขนาดใหญ่นั้นที่ผ่านมาพบว่ามีการเปิดเผยข้อมูลที่ดี แต่บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กยังมีการเปิดเผยข้อมูลไม่มากนัก จึงต้องการให้บริษัทเหล่านี้มีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น ซึ่งทางสมาคมนักวิเคราะห์จะมีการประสานงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อที่จะมีการจัดประชุมกับบจ.เพื่อที่จะชี้แจงให้บริษัทเหล่านี้ เห็นถึงประโยชน์ของการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น โดยจะบอกถึงข้อดีในการเปิดเผยข้อมูลเพื่อทำให้นักลงทุนได้ทราบข้อมูลและเข้ามาลงทุนในบริษัท
นายสมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางสมาคมฯจะต้องมีการหารือกับทาง 2 หน่วยงานดังกล่าวอีกครั้ง และเชื่อว่าในอีก 2 เดือนจากนี้จะทราบว่าจะต้องการให้ทางบจ.มีการเปิดเผยข้อมูลใดบ้างที่จะให้นักลงทุนต้องการรับทราบจากการเขียนบทวิเคราะห์ แต่จากการหารือในครั้งนี้ทางบริษัทจดทะเบียนเองก็มีการแจ้งถึงเหตุผลได้หากมีการเปิดเผยข้อมูลที่มากเกินไปจะกระทบต่อการค้าการแข่งขันของบริษัท จากที่คู่แข่งทางการค้าที่อาจจะทราบถึงข้อมูลกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัท