“บิ๊กทีจี” มั่นใจใช้แผนบุ๊กผู้โดยสาร 6 แสนราย เสนอ ครม.เศรษฐกิจ ไฟเขียวแผนย้ายสนามบินได้สำเร็จ เพราะใช้ความจำเป็นหักล้างความเหมาะสมให้ผู้บริหารชุดใหม่ตัดสินใจ “ซาเล้ง” เดินหน้า “แผนซิงเกิล แอร์พอร์ต” เรียก ขอ.ปัดฝุ่นสนามบินภูธร 26 แห่ง พร้อมอัดเงินลงทุนสุวรรณภูมิ ทั้งรันเวย์ที่ 3 และอาคารผู้โดยสารในประเทศ ขณะที่ ปธ.บอร์ด ประกาศไขก๊อก พรุ่งนี้ เปิดทาง “พิชัย ชุณหวชิระ” เดินเกมลึก
มีรายงานความคืบหน้า แผนยุทธศาสตร์การใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์เพียงแห่งเดียว (ซิงเกิล แอร์พอร์ต) เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ของนายศรีสุข จันทรางศุ อดีตประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ซึ่งปัจจุบันได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาเครือข่ายการขนส่งทางอากาศ จาก นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารในหนังสือ “ทีจี อัปเดต” ฉบับประจำเดือนมีนาคม 2552 ระบุประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการย้ายเที่ยวบินว่า “ได้หรือเสีย ย้ายกลับ 29 มีนาคม 2552 นี้”
สาระสำคัญของบทความดังกล่าว ได้อ้างอิงถึงข้อมูลที่เก็บจากระบบ Royal ของการบินไทย เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา เปิดเผยถึงยอดการจองเที่ยวบิน (Booking) ของเที่ยวบิน 46 เที่ยวบิน ที่เคยบินให้บริการในแต่ละวันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พบว่ามียอดการจองตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2552 หรือหลังการโยกย้ายสนามบินแล้ว จำนวน 127,952 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นผู้โดยสารที่ต้องต่อเครื่อง (Connecting Flight) จำนวน 70,617 คน ซึ่งข้อมูลดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า ผู้โดยสารเหล่านี้ถือว่ารับรู้ข่าวสารการโยกย้ายเที่ยวบินแล้ว โดยผู้โดยสารที่ต้องเดินทางต่อเครื่องกว่า 70,000 คน จะได้รับประโยชน์โดยตรง เพราะไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางในการต่อเครื่องระหว่าง 2 สนามบิน อีกต่อไป
เอกสารดังกล่าวยังระบุว่า ขณะนี้ การบินไทยได้ประกาศตารางการบินในฤดูร้อน 2009 ต่อสาธารณชนไปทั่วโลกแล้ว โดย ณ วันที่ 14 มีนาคม 2552 มียอดจองเที่ยวบินเพื่อมาใช้บริการเที่ยวบินในประเทศ จำนวน 579,738 คน หากการบินไทย ต้องเลื่อนการย้ายเที่ยวบินออกไป ก็อาจเกิดปัญหาติดต่อกับผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินไม่ได้ และอาจทำให้บริษัทเสียหายส่งผลต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของบริษัทได้
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า แผนการย้ายเที่ยวบินไปใช้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด การบินไทยได้ทยอยขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์งานบริการภาคพื้นที่เคยใช้งานที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ไปตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา แต่เป็นอุปกรณ์เพียงชิ้นเล็กๆ บางส่วน แต่จะมีการขนย้ายใหญ่อุปกรณ์สำคัญในวันที่ 28 มีนาคม 2552 นี้ หากทุกอย่างเป็นไปตามตารางแผนการย้ายเที่ยวบินที่กำหนดไว้
พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สำนักเลขานุการ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ การบินไทย ระบุว่า การบินไทยกำลังเร่งสรุปตัวเลข เพื่อดูว่าลดค่าใช้จ่ายลงไปได้เท่าไหร่ หากย้ายบริการเที่ยวบินในประเทศจากท่าอากาศยานดอนเมืองทั้งหมดไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คาดว่าจะสามารถสรุปตัวเลขให้เสร็จสิ้นภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนส่งให้กระทรวงคมนาคม เพื่อรับทราบ และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ พิจารณา ซึ่งการศึกษาตัวเลขนี้เป็นไปตามที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการมาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ ย้ำว่า การบินไทย ยังยืนยันตามแผนการเดิมที่วางไว้ คือ จะดำเนินการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศทั้งหมดจาก ท่าอากาศยานดอนเมืองไปยัง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 29 มีนาคม 2552 เพราะการบินไทยได้การแจ้งตารางบินไปยังผู้โดยสารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ มีความเห็นที่จะให้ การบินไทย มีการแก้ไขหรือปรับปรุงแผนดังกล่าวอย่างไร ก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ ได้ท้วงติง ตัวเลขที่ บริษัท การบินไทย เสนอเป็นข้ออ้างในการย้ายเที่ยวบินในประเทศไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ว่าจะช่วยให้ การบินไทยลดรายจ่ายได้ถึง 600 ล้านบาทต่อปี แต่ นายอภิสิทธิ์ เชื่อว่า น่าจะลดได้เพียง 200 ล้านบาทเท่านั้น
พลอากาศเอก ณรงค์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลได้มอบให้ การบินไทย รวบรวมและทำแผนเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในส่วนของสนามบินดอนเมืองว่า ในอนาคตจะใช้ดำเนินการสิ่งใด อย่างไร พร้อมให้ดูตัวเลขเลขเปรียบเทียบปริมาณผู้โดยสาร และค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้สุวรรณภูมิและดอนเมืองด้วย โดยเฉพาะตัวเลขที่จะได้รับประโยชน์จากการไปทำการบินที่สุวรรณภูมิสนามบินเดียว แต่ในเบื้องต้นคาดว่า การย้ายไปสุวรรณภูมิ จะทำให้รายได้ของการบินไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากการที่ประชาชนสามารถต่อเครื่องได้ง่าย
ก่อนหน้านี้ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมเพื่อติดตามการดำเนินงานด้านการขนส่งทางอากาศ ว่า เห็นชอบให้กรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) จ้างที่ปรึกษาเข้ามาศึกษาและวางแนวทางการบริหารจัดการสนามบินสุวรรณภูมิภาคทั้ง 26 แห่ง ให้เกิดประสทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานคณะทำงานรวบรวมข้อมูลและเปรียบเทียบผลดีผลเสีย นโยบายการใช้สนามบินเดียว (ซิงเกิลแอร์พอร์ต) เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรี ก่อนตัดสินกำหนดเป็นนโยบายรัฐบาล
“ขณะนี้ ถือเป็นนโยบายของกระทรวงที่ต้องการผลักดันให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) ด้านการบินในภูมิภาค และช่วยแก้วิกฤตการบินไทย ส่วนการประกาศเป็นนโยบายสนามบินเดียวนั้น ต้องพิจารณาข้อมูลทุกส่วนก่อน”
สำหรับแผนการขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ได้ให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ปรับแผนเงินลงทุนจาก 70,000 ล้านบาท เหลือ 10,000 ล้านบาท เพราะจะทำเฉพาะรันเวย์ที่ 3 และอาคารผู้โดยสารเที่ยวบินในประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและฐานะการเงินของ ทอท. โดยคาดว่าจะเสร็จปีนี้ พร้อมยืนยันขออนุมัติเงินจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) วงเงิน 11,000 ล้านบาท ให้ ทอท.จ่ายค่าชดเชยผลกระทบด้านเสียงให้ชาวบ้าน
ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด การบินไทย ได้เตรียมประกาศยื่นใบลาออก ในการประชุมบอร์ด วันพรุ่งนี้ (18 มี.ค.) แน่นอน โดยอ้างว่า ต้องการพักผ่อน เนื่องจากในขณะนี้ เหลือเวลาการทำงานอีก 6 เดือน ก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว โดยหลังจากการลาออกจากประธานบอร์ดแล้ว ก็จะทำงานในส่วนที่เกี่ยวกับหน่วยงานราชการของกระทรวงเท่านั้น และเห็นว่าผู้ที่จะมาเป็นประธานบอร์ด การบินไทย ควรมีเวลาเต็มที่ที่จะทำงานให้บริษัท
นายสุรชัย กล่าวว่า สำหรับการประชุมบอร์ดวันดังกล่าวจะพิจารณาเพียงวาระเดียว คือ กำหนดการและวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2551
ส่วนแผนปรับปรุงธุรกิจ (Business Improvement Plan) ของปี 2552-2554 นั้น บอร์ดได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการฟื้นฟูธุรกิจและการเงิน ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิระ กรรมการ การบินไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แต่งตั้งให้เป็นประธาน หากคณะกรรมการชุดดังกล่าวพิจารณากลั่นกรองแผนเสร็จ ก็สามารถเสนอกระทรวงการคลัง และ กระทรวงคมนาคม ได้ทันที โดยไม่ต้องเสนอบอร์ดอีก