ASTVผู้จัดการรายวัน/รอยเตอร์ - ใครกันแน่ทำลายชาติ ผอ.สุวรรณภูมิบอกสำนักข่าวรอยเตอร์ต้องใช้เวลาอีก 1 สัปดาห์เช็กสนามบิน ก่อนออกประกาศงดบินขึ้นลงจนถึง 6 โมงเย็น วันที่ 3 ธ.ค การบินไทยเปิดศูนย์เช็คอินที่ไบเทค การบินไทย-บางกอกแอร์เวยส์เริ่มทยอยเปิดเที่ยวบินที่อู่ตะเภา สั่งย้ายเครื่องเอ็กซ์เรย์ 4 เครื่องไปอู่ตะเภา เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบการทำงานระบบ รปภ.หลัง 2 สนามบินถูกยึด
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรักษาการกรรมการผู้อำนายการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผย สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวานนี้ (1) ถึงการเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขึ้นใหม่ว่า ภายหลังจากการปิดล้อมของกลุ่มผู้ประท้วงยุติลงแล้ว จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยที่สุด 1 สัปดาห์ เนื่องจากต้องตรวจสอบด้านความปลอดภัยและตรวจสอบระบบไอที
"ปกติแล้วการตรวจสอบระบบไอทีจะต้องใช้เวลา 1 อาทิตย์ เราจะต้องตรวจสอบ, ตรวจสอบซ้ำอีก, ตรวจสอบ, ตรวจสอบซ้ำอีก" นายเสรีรัตน์บอกกับรอยเตอร์ พร้อมกล่าวต่อไปด้วยว่า อาจจะต้องเสียเวลานานกว่านี้อีก ถ้าหากระบบคอมพิวเตอร์อันใหญ่โตมหึมาของทางสนามบินเกิดจำเป็นต้องมีการซ่อมแซมใดๆ ขึ้นมา
"ผมคิดว่าระบบบางระบบคงจะได้รับความเสียหาย" นายเสรีรัตน์กล่าวโดยไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้
เขาพูดต่อไปว่า หลังจากที่ทาง ทอท. ตรวจสอบจนพอใจเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ก็จะเชิญกรมการขนส่งทางอากาศ และตัวแทนของสายการบิน มาทำการตรวจสอบของพวกเขาเอง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าการตรวจสอบของฝ่ายที่สามเหล่านี้จะกินเวลาอีกนานแค่ไหน
รอยเตอร์บอกว่า นายเสรีรัตน์ไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าอากาศยานดอนเมือง
วันเดียวกันนายเสรีรัตน์ได้ออกประกาศแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานทางอากาศ (Notice to Airmen : NOTAM) ทราบว่า จะของดการให้บริการขึ้น-ลงของเครื่องบินต่อไปอีก 48 ชั่วโมง จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 3 ธ.ค.2551 โดยอ้างว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงปักหลักชุมนุมกันอยู่ที่หน้าอาคารผู้โดยสาร
นายเสรีรัตน์อ้างว่า แม้ผู้ชุมนุมจะย้ายออกจากอาคารผู้โดยสาร แต่การชุมนุมยังอยู่ในพื้นที่สนามบินซึ่งยังถูกประเมินถึงความไม่ปลอดภัย จึงต้องปิดทำการต่อไป และหากผู้ชุมนุมย้ายออกจากพื้นที่สนามบินแล้วก็ยังไม่สามารถทำการบินได้ทันที เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจเช็คความพร้อม และความปลอดภัยตามหลักสากลก่อนเปิดทำการ ซึ่งจะเป็นไปตามขั้นตอนของกรมการขนส่งทางอากาศ และตัวแทนสายการบินต่างๆ ที่ยืนยันต่อต้นสังกัด และการให้บริการได้
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ยืนยันว่าพันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่เฉพาะตัวอาคารเท่านั้น ไม่ได้ลงไปในรันเวย์ และเมื่อวันที่ 30 พ.ย.พันธมิตรฯ ได้ส่งหนังสือชี้แจงไปยังนายเสรีรัตน์แล้วว่า ไม่ได้ชุมนุมในพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของเครื่องบิน ทั้งในส่วนของลานบิน หลุมจอด หอบังคับการบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขึ้นหรือลงเครื่องบินของสนามบินทั้ง 2 แห่ง จึงขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ของท่านในการดูแลการขึ้นลงเครื่องบิน และดูแลรักษาความปลอดภัยของเครื่องบิน ซึ่งเป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของของนายเสรีรัตน์โดยตรง
**การบินไทยเปิดเช็กอินที่ไบเทค
บริษัทการบินไทยได้จัดเคาน์เตอร์เช็กอินให้แก่ผู้โดยสารที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่ได้รับการยืนยันการเดินทางจากกองสำรองที่นั่งของบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว โดยผู้โดยสารสังเกตได้จากเที่ยวบินที่มีตัวเลข 4 ตัว และลงท้ายด้วยเลข 9 อาทิ เที่ยวบินที่ทีจี 4719 เป็นต้น ขอให้ผู้โดยสารเดินทางไปเช็กอิน ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคาร EH 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยเริ่มตั้งแต่วานนี้ (1 ธ.ค.) ทั้งนี้ผู้โดยสารควรจะต้องเดินทางถึงไบเทคก่อนเวลาเครื่องบินออก 7 ชั่วโมงเพื่อสะดวกในการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า ตามที่ นาย วีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายลดความความคับคั่งของผู้โดยสารต่างประเทศ ที่ไปใช้บริการที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา โดยให้ ทอท.เปิดศูนย์เช็คอินในเมือง (City Terminal) ที่ศูนย์ไบเทค บางนา เป็นการให้บริการเช็คอินเฉพาะผู้โดยสารต่างประเทศที่จะเดินทางกลับประเทศเท่านั้น โดยทอท.ได้นำเครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระ จำนวน 4 ตัว รวม
ทั้งนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้บริการ เช่นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายพานลำเลียง มาให้บริการที่ศูนย์ไบเทค และขอให้ผู้ต้องการใช้บริการเช็คอินล่วงหน้าประมาณ 7 ชม. โดยให้ตรวจสอบก่อนว่า สายการบินที่จะใช้บริการไปให้บริการที่ศูนย์เช็คอินไบเทคบางนาด้วยหรือไม่ โดยสามารถสอบถามที่โทร 0-2749 3974 , 0-2749 39 82
ขณะที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งได้นำเครื่อง 15 ลำ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปแล้ว ก็จะให้บริการตามปกติเช่นเดียวกัน โดยจะเปลี่ยนจากสุวรรณภูมิ ไปใช้ที่สนามบินหัวหิน 2 เที่ยวต่อวัน เพิ่มเติมจากสมุย และภูเก็ต เพื่อเชื่อมต่อกับเที่ยวบินสู่สิงคโปร์หรือฮ่องกง ทั้งนี้บางกอกแอร์เวย์สได้จัดรถไว้บริการผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว โดยรถจะออกจากอาคารสำนักงานใหญ่ เลขที่ 99 อาคารทับวิภา ถนนวิภาวดีรังสิต 4 ชั่วโมงก่อนเวลาของเที่ยวบิน นอกจากนี้ ทางสายการบินยังได้จัดให้มีเที่ยวบินระหว่างอู่ตะเภา-เสียมราฐ อู่ตะเภา-มัลดีฟส์ อู่ตะเภา-กุ้ยหลิน อู่ตะเภา-สมุย และอู่ตะเภา-ภูเก็ตด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1771 หรือ 0-2265-8777 หรือเว็บไซต์ www.bangkokair.com
นายเสรีรัตน์กล่าวว่า เนื่องจากมีผู้ไปใช้บริการที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภามีผู้โดยสารไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทำให้อุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่เพียงพอจึงได้สั่งการให้ขนย้ายอุปกรณ์เอ็กซ์เรย์ของ สุวรรณภูมิ จำนวน 4 เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระผู้โดยสาร (Checked Baggage X-Ray) จำนวน 2 เครื่อง เครื่องเอ็กซ์เรย์กระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารที่จะถือขึ้นเครื่องบิน (Carry-on Baggage X-Ray) จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องตรวจวัตถุระเบิดแบบเดินผ่าน ( Walk- Through metal Detector) จำนวน 2 เครื่อง ไปติดตั้งที่อู่ตะเภา เคาดว่าจะไปถึงสนามบินอู่ตะเภาภายในค่ำวานนี้ (1 ธ.ค.) และจะติดตั้งจะเปิดให้บริการได้ทันที
**ทอท.กำหนดขั้นตอนนำเครื่องบินออก
ส่วนกรณีสายการบินต่าง ๆ ที่มีเครื่องบินเปล่าจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรวม 88 ลำเพื่อนำออกไปให้บริการผู้โดยสารที่ยังตกค้างอยู่ตามสนามบินต่างๆ นั้น นายเสรีรัตน์กล่าวว่า สายการบินต่างๆ ได้ทยอยนำเครื่องบินเปล่าบินออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลา 19.23 น. ของวันที่ 30 พ.ย.โดยเพื่อความคล่องตัวในการปฎิบัติสำหรับงาน ทอท.ได้กำหนด 4 ขั้นตอนในการนำเครื่องบินเปล่าออกจาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1. สายการบินดังกล่าวจะต้องนำนักบินและลูกเรือมาร่วมประชุมกับ ทอท. ที่ชั้น 1 อาคารบำรุงรักษาท่าอากาศยาน (อาคาร 1) ทสภ. (Airport Maintenance Facilities) 2. ทอท. ประสานกับหอบังคับการบินเพื่อตรวจสอบความพร้อมในการนำเครื่องบินขึ้น 3. ทอท. จัดรถนำคณะลูกเรือไปส่งเข้าลานจอดอากาศยานที่ Control Post 4 และ 4. ทอท. จัดรถ Follow me ของ ทอท. นำคณะลูกเรือไปที่หลุมจอดที่เครื่องบินจอดอยู่
**เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบระบบ รปภ.
นายโสภณ ซารัมย์ รมช.คมนาคม กล่าวว่า จากสถานการณ์ปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองนั้นรัฐบาล ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือ ผู้โดยสารที่ตกค้างอย่างเต็มที่ โดยได้มีการเตรียมรถรับส่งผู้โดยสารไปยังสนามบินที่เปิดให้บริการได้ ส่วนการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ทั้ง 2 แห่ง ที่ปล่อยให้มีการเข้ามาชุมนุม หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทำงานตามขั้นตอนว่า มีอะไรบกพร่องหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นเห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกินความสามารถ เพราะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทหารตำรวจ ก็ยังไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ และอยากให้เหตุการสงบโดยเร็วเพื่อให้เปิดสนามบินได้เร็วที่สุด
**ใช้สนามบินพิษณุโลก-โคราชช่วย
นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ประเทศไทยมีสนามบินทั้งหมด 35 แห่ง ซึ่งมีความพร้อมที่จะให้บริการ แม้ว่าแต่ละสนามบินจะมีศักยภาพแตกต่างกันออกไป โดยคาดว่าจะเปิดสนามบินเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ พิษณุโลก และนครราชสีมา เพื่อ ลดจำนวนความแออัดของอู่ตะเภา เนื่องจากเห็นว่าสนามบินทั้ง 2 แห่ง สะดวกที่เครื่องบินจะสามารถลงจอดได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ทันที โดยจะใช้วิธีการเช็คอินจากกรุงเทพฯ จากนั้นจะมีรถบัสรับผู้โดยสารไปส่งยังหน้าประตูเครื่องบิน
ด้าน พล.อ.อ.สมชาย เทียนอนันต์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) กล่าวว่า จากกรณีที่มีเครื่องบินที่ตกค้างอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด 88 ลำ ได้บินออกไปแล้วอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถระบายออกได้หมดเร็ว ๆนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเครื่องบินและนักบินด้วย นอกจากนี้บวท. จะให้บริการสนามบินเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ที่จังหวัดพิษณุโลกและนครราชสีมา ลดความแออัดที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา เนื่องจากสนามบินดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ที่พร้อมสามารถจะปฏิบัติงานได้
**สันติคาดเปิดคาร์โก้สุวรรณภูมิ 1-2 วันนี้
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ได้ประสานงานกับ บริษัท วิทยุการบิน ประเทศไทย จำกัด (บวท.) และกรมศุลกากร เพื่อหาช่องทางเปิดให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ (คาร์โก้) โดยสามารถจะใช้ถนนกิ่งแก้วเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่จะผ่านเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าจะดำเนินการได้ใน 1-2 วันนี้ โดยจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลการขนส่งสินค้าด้วย เพราะกรณีที่กลุ่มพันธมิตรปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นการปิดเส้นทางเข้าออกสนามบินเท่านั้น ไม่ได้ปิดรันเวย์ ขณะนี้จึงได้มีการจัดเตรียมเครื่องบินให้พร้อมในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงการรักษาความปลอดภัย ดังนั้น จึงเห็นว่าที่ถนนกิ่งแก้ว น่าจะเป็นเส้นทางเข้าออกสนามบินได้ ทั้งการขนส่งสินค้า รวมถึงสินค้าที่ยังตกค้างอยู่ ซึ่งตอนนี้เครื่องบินมีพร้อมแล้วเพียงแต่ว่าต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย
**บินไทยเปิดบิน 32 เที่ยวบินอู่ตะเภา
พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เครื่องบินที่ติดค้างอยู่ 30 ลำ สามารถนำไปให้บริการได้ตามปกติแล้ว แต่การบินไทยยังคงจะใช้สุวรรณภูมิเป็นที่จอดเครื่องบินเหมือนเดิม ตามตารางปกติของเดือนธ.ค. เครื่องบินที่จะให้บริการที่สุวรรณภูมิทุกเส้นทางจะย้ายไปใช้สนามบินอู่ตะเภา และผู้โดยสารทุกคนต้องสำรองที่นั่งใหม่ทั้งหมด เพราะที่นั่งเปลี่ยน โดยในวันที่ 1 ธ.ค. 51 บริษัทฯ ได้จัดเที่ยวบินพิเศษ สำหรับผู้โดยสารที่ได้รับการยืนยันการเดินทางจากกองสำรองที่นั่ง จำนวนทั้งสิ้น 32 เที่ยวบิน เช่น เที่ยวบินขาออก จากท่าอากาศยานอู่ตะเภา จำนวน 13 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานภูเก็ต 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาเข้า ท่าอากาศยานอู่ตะเภา 14 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขาเข้าที่ท่าอากาศยานภูเก็ต 1 เที่ยวบิน
พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า การบินไทยได้รับความเสียหายจากที่ทอท.ประกาศปิดท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิวันละประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะใช้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาและท่าอากาศยานต่างๆ เช่น ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้โดยสารที่ตกค้างอยู่ประมาณ 40,000 – 50,000 คน การบินไทยจะพยายามจัดเที่ยวบินเพื่อรองรับความต้องการเดินทางกลับประเทศ และระหว่างที่ยังไม่สามารถส่งนักท่องเที่ยวกลับได้ การบินไทยก็อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ยังตกค้างอยู่ โดยจัดให้ผู้โดยสารเข้าพักในโรงแรมต่าง ๆ จัดบริการรับส่ง
**ไทยแอร์เอเชียยกเลิกเที่ยวบิน
สายการบินไทยแอร์เอเชีย ยังคงประกาศยกเลิกเที่ยวบินที่จะขึ้น-ลงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศทุกเที่ยวบิน รวม 106 เที่ยว.
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรักษาการกรรมการผู้อำนายการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผย สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อวานนี้ (1) ถึงการเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิขึ้นใหม่ว่า ภายหลังจากการปิดล้อมของกลุ่มผู้ประท้วงยุติลงแล้ว จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยที่สุด 1 สัปดาห์ เนื่องจากต้องตรวจสอบด้านความปลอดภัยและตรวจสอบระบบไอที
"ปกติแล้วการตรวจสอบระบบไอทีจะต้องใช้เวลา 1 อาทิตย์ เราจะต้องตรวจสอบ, ตรวจสอบซ้ำอีก, ตรวจสอบ, ตรวจสอบซ้ำอีก" นายเสรีรัตน์บอกกับรอยเตอร์ พร้อมกล่าวต่อไปด้วยว่า อาจจะต้องเสียเวลานานกว่านี้อีก ถ้าหากระบบคอมพิวเตอร์อันใหญ่โตมหึมาของทางสนามบินเกิดจำเป็นต้องมีการซ่อมแซมใดๆ ขึ้นมา
"ผมคิดว่าระบบบางระบบคงจะได้รับความเสียหาย" นายเสรีรัตน์กล่าวโดยไม่ได้ให้รายละเอียดอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้
เขาพูดต่อไปว่า หลังจากที่ทาง ทอท. ตรวจสอบจนพอใจเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างสามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ก็จะเชิญกรมการขนส่งทางอากาศ และตัวแทนของสายการบิน มาทำการตรวจสอบของพวกเขาเอง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าการตรวจสอบของฝ่ายที่สามเหล่านี้จะกินเวลาอีกนานแค่ไหน
รอยเตอร์บอกว่า นายเสรีรัตน์ไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าอากาศยานดอนเมือง
วันเดียวกันนายเสรีรัตน์ได้ออกประกาศแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงานทางอากาศ (Notice to Airmen : NOTAM) ทราบว่า จะของดการให้บริการขึ้น-ลงของเครื่องบินต่อไปอีก 48 ชั่วโมง จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 3 ธ.ค.2551 โดยอ้างว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงปักหลักชุมนุมกันอยู่ที่หน้าอาคารผู้โดยสาร
นายเสรีรัตน์อ้างว่า แม้ผู้ชุมนุมจะย้ายออกจากอาคารผู้โดยสาร แต่การชุมนุมยังอยู่ในพื้นที่สนามบินซึ่งยังถูกประเมินถึงความไม่ปลอดภัย จึงต้องปิดทำการต่อไป และหากผู้ชุมนุมย้ายออกจากพื้นที่สนามบินแล้วก็ยังไม่สามารถทำการบินได้ทันที เพราะต้องใช้เวลาในการตรวจเช็คความพร้อม และความปลอดภัยตามหลักสากลก่อนเปิดทำการ ซึ่งจะเป็นไปตามขั้นตอนของกรมการขนส่งทางอากาศ และตัวแทนสายการบินต่างๆ ที่ยืนยันต่อต้นสังกัด และการให้บริการได้
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ยืนยันว่าพันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่เฉพาะตัวอาคารเท่านั้น ไม่ได้ลงไปในรันเวย์ และเมื่อวันที่ 30 พ.ย.พันธมิตรฯ ได้ส่งหนังสือชี้แจงไปยังนายเสรีรัตน์แล้วว่า ไม่ได้ชุมนุมในพื้นที่ที่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการขึ้นลงของเครื่องบิน ทั้งในส่วนของลานบิน หลุมจอด หอบังคับการบิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขึ้นหรือลงเครื่องบินของสนามบินทั้ง 2 แห่ง จึงขอให้ท่านปฏิบัติหน้าที่ของท่านในการดูแลการขึ้นลงเครื่องบิน และดูแลรักษาความปลอดภัยของเครื่องบิน ซึ่งเป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของของนายเสรีรัตน์โดยตรง
**การบินไทยเปิดเช็กอินที่ไบเทค
บริษัทการบินไทยได้จัดเคาน์เตอร์เช็กอินให้แก่ผู้โดยสารที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารที่ได้รับการยืนยันการเดินทางจากกองสำรองที่นั่งของบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว โดยผู้โดยสารสังเกตได้จากเที่ยวบินที่มีตัวเลข 4 ตัว และลงท้ายด้วยเลข 9 อาทิ เที่ยวบินที่ทีจี 4719 เป็นต้น ขอให้ผู้โดยสารเดินทางไปเช็กอิน ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 อาคาร EH 106 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยเริ่มตั้งแต่วานนี้ (1 ธ.ค.) ทั้งนี้ผู้โดยสารควรจะต้องเดินทางถึงไบเทคก่อนเวลาเครื่องบินออก 7 ชั่วโมงเพื่อสะดวกในการเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า ตามที่ นาย วีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายลดความความคับคั่งของผู้โดยสารต่างประเทศ ที่ไปใช้บริการที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา โดยให้ ทอท.เปิดศูนย์เช็คอินในเมือง (City Terminal) ที่ศูนย์ไบเทค บางนา เป็นการให้บริการเช็คอินเฉพาะผู้โดยสารต่างประเทศที่จะเดินทางกลับประเทศเท่านั้น โดยทอท.ได้นำเครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระ จำนวน 4 ตัว รวม
ทั้งนำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้บริการ เช่นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายพานลำเลียง มาให้บริการที่ศูนย์ไบเทค และขอให้ผู้ต้องการใช้บริการเช็คอินล่วงหน้าประมาณ 7 ชม. โดยให้ตรวจสอบก่อนว่า สายการบินที่จะใช้บริการไปให้บริการที่ศูนย์เช็คอินไบเทคบางนาด้วยหรือไม่ โดยสามารถสอบถามที่โทร 0-2749 3974 , 0-2749 39 82
ขณะที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งได้นำเครื่อง 15 ลำ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปแล้ว ก็จะให้บริการตามปกติเช่นเดียวกัน โดยจะเปลี่ยนจากสุวรรณภูมิ ไปใช้ที่สนามบินหัวหิน 2 เที่ยวต่อวัน เพิ่มเติมจากสมุย และภูเก็ต เพื่อเชื่อมต่อกับเที่ยวบินสู่สิงคโปร์หรือฮ่องกง ทั้งนี้บางกอกแอร์เวย์สได้จัดรถไว้บริการผู้โดยสารที่ประสงค์จะเดินทางในเที่ยวบินดังกล่าว โดยรถจะออกจากอาคารสำนักงานใหญ่ เลขที่ 99 อาคารทับวิภา ถนนวิภาวดีรังสิต 4 ชั่วโมงก่อนเวลาของเที่ยวบิน นอกจากนี้ ทางสายการบินยังได้จัดให้มีเที่ยวบินระหว่างอู่ตะเภา-เสียมราฐ อู่ตะเภา-มัลดีฟส์ อู่ตะเภา-กุ้ยหลิน อู่ตะเภา-สมุย และอู่ตะเภา-ภูเก็ตด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.1771 หรือ 0-2265-8777 หรือเว็บไซต์ www.bangkokair.com
นายเสรีรัตน์กล่าวว่า เนื่องจากมีผู้ไปใช้บริการที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภามีผู้โดยสารไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทำให้อุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่เพียงพอจึงได้สั่งการให้ขนย้ายอุปกรณ์เอ็กซ์เรย์ของ สุวรรณภูมิ จำนวน 4 เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องเอ็กซเรย์สัมภาระผู้โดยสาร (Checked Baggage X-Ray) จำนวน 2 เครื่อง เครื่องเอ็กซ์เรย์กระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารที่จะถือขึ้นเครื่องบิน (Carry-on Baggage X-Ray) จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องตรวจวัตถุระเบิดแบบเดินผ่าน ( Walk- Through metal Detector) จำนวน 2 เครื่อง ไปติดตั้งที่อู่ตะเภา เคาดว่าจะไปถึงสนามบินอู่ตะเภาภายในค่ำวานนี้ (1 ธ.ค.) และจะติดตั้งจะเปิดให้บริการได้ทันที
**ทอท.กำหนดขั้นตอนนำเครื่องบินออก
ส่วนกรณีสายการบินต่าง ๆ ที่มีเครื่องบินเปล่าจอดอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรวม 88 ลำเพื่อนำออกไปให้บริการผู้โดยสารที่ยังตกค้างอยู่ตามสนามบินต่างๆ นั้น นายเสรีรัตน์กล่าวว่า สายการบินต่างๆ ได้ทยอยนำเครื่องบินเปล่าบินออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่เวลา 19.23 น. ของวันที่ 30 พ.ย.โดยเพื่อความคล่องตัวในการปฎิบัติสำหรับงาน ทอท.ได้กำหนด 4 ขั้นตอนในการนำเครื่องบินเปล่าออกจาก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1. สายการบินดังกล่าวจะต้องนำนักบินและลูกเรือมาร่วมประชุมกับ ทอท. ที่ชั้น 1 อาคารบำรุงรักษาท่าอากาศยาน (อาคาร 1) ทสภ. (Airport Maintenance Facilities) 2. ทอท. ประสานกับหอบังคับการบินเพื่อตรวจสอบความพร้อมในการนำเครื่องบินขึ้น 3. ทอท. จัดรถนำคณะลูกเรือไปส่งเข้าลานจอดอากาศยานที่ Control Post 4 และ 4. ทอท. จัดรถ Follow me ของ ทอท. นำคณะลูกเรือไปที่หลุมจอดที่เครื่องบินจอดอยู่
**เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบระบบ รปภ.
นายโสภณ ซารัมย์ รมช.คมนาคม กล่าวว่า จากสถานการณ์ปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองนั้นรัฐบาล ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือ ผู้โดยสารที่ตกค้างอย่างเต็มที่ โดยได้มีการเตรียมรถรับส่งผู้โดยสารไปยังสนามบินที่เปิดให้บริการได้ ส่วนการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน ทั้ง 2 แห่ง ที่ปล่อยให้มีการเข้ามาชุมนุม หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทำงานตามขั้นตอนว่า มีอะไรบกพร่องหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นเห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกินความสามารถ เพราะผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทหารตำรวจ ก็ยังไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ และอยากให้เหตุการสงบโดยเร็วเพื่อให้เปิดสนามบินได้เร็วที่สุด
**ใช้สนามบินพิษณุโลก-โคราชช่วย
นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ประเทศไทยมีสนามบินทั้งหมด 35 แห่ง ซึ่งมีความพร้อมที่จะให้บริการ แม้ว่าแต่ละสนามบินจะมีศักยภาพแตกต่างกันออกไป โดยคาดว่าจะเปิดสนามบินเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ พิษณุโลก และนครราชสีมา เพื่อ ลดจำนวนความแออัดของอู่ตะเภา เนื่องจากเห็นว่าสนามบินทั้ง 2 แห่ง สะดวกที่เครื่องบินจะสามารถลงจอดได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ทันที โดยจะใช้วิธีการเช็คอินจากกรุงเทพฯ จากนั้นจะมีรถบัสรับผู้โดยสารไปส่งยังหน้าประตูเครื่องบิน
ด้าน พล.อ.อ.สมชาย เทียนอนันต์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) กล่าวว่า จากกรณีที่มีเครื่องบินที่ตกค้างอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมด 88 ลำ ได้บินออกไปแล้วอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถระบายออกได้หมดเร็ว ๆนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเครื่องบินและนักบินด้วย นอกจากนี้บวท. จะให้บริการสนามบินเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ที่จังหวัดพิษณุโลกและนครราชสีมา ลดความแออัดที่ท่าอากาศยานอู่ตะเภา เนื่องจากสนามบินดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ที่พร้อมสามารถจะปฏิบัติงานได้
**สันติคาดเปิดคาร์โก้สุวรรณภูมิ 1-2 วันนี้
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม ได้ประสานงานกับ บริษัท วิทยุการบิน ประเทศไทย จำกัด (บวท.) และกรมศุลกากร เพื่อหาช่องทางเปิดให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ (คาร์โก้) โดยสามารถจะใช้ถนนกิ่งแก้วเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่จะผ่านเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิ คาดว่าจะดำเนินการได้ใน 1-2 วันนี้ โดยจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลการขนส่งสินค้าด้วย เพราะกรณีที่กลุ่มพันธมิตรปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นการปิดเส้นทางเข้าออกสนามบินเท่านั้น ไม่ได้ปิดรันเวย์ ขณะนี้จึงได้มีการจัดเตรียมเครื่องบินให้พร้อมในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงการรักษาความปลอดภัย ดังนั้น จึงเห็นว่าที่ถนนกิ่งแก้ว น่าจะเป็นเส้นทางเข้าออกสนามบินได้ ทั้งการขนส่งสินค้า รวมถึงสินค้าที่ยังตกค้างอยู่ ซึ่งตอนนี้เครื่องบินมีพร้อมแล้วเพียงแต่ว่าต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย
**บินไทยเปิดบิน 32 เที่ยวบินอู่ตะเภา
พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เครื่องบินที่ติดค้างอยู่ 30 ลำ สามารถนำไปให้บริการได้ตามปกติแล้ว แต่การบินไทยยังคงจะใช้สุวรรณภูมิเป็นที่จอดเครื่องบินเหมือนเดิม ตามตารางปกติของเดือนธ.ค. เครื่องบินที่จะให้บริการที่สุวรรณภูมิทุกเส้นทางจะย้ายไปใช้สนามบินอู่ตะเภา และผู้โดยสารทุกคนต้องสำรองที่นั่งใหม่ทั้งหมด เพราะที่นั่งเปลี่ยน โดยในวันที่ 1 ธ.ค. 51 บริษัทฯ ได้จัดเที่ยวบินพิเศษ สำหรับผู้โดยสารที่ได้รับการยืนยันการเดินทางจากกองสำรองที่นั่ง จำนวนทั้งสิ้น 32 เที่ยวบิน เช่น เที่ยวบินขาออก จากท่าอากาศยานอู่ตะเภา จำนวน 13 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ 2 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออกจากท่าอากาศยานภูเก็ต 1 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาเข้า ท่าอากาศยานอู่ตะเภา 14 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขาเข้าที่ท่าอากาศยานภูเก็ต 1 เที่ยวบิน
พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า การบินไทยได้รับความเสียหายจากที่ทอท.ประกาศปิดท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิวันละประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะใช้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาและท่าอากาศยานต่างๆ เช่น ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ยังมีผู้โดยสารที่ตกค้างอยู่ประมาณ 40,000 – 50,000 คน การบินไทยจะพยายามจัดเที่ยวบินเพื่อรองรับความต้องการเดินทางกลับประเทศ และระหว่างที่ยังไม่สามารถส่งนักท่องเที่ยวกลับได้ การบินไทยก็อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ยังตกค้างอยู่ โดยจัดให้ผู้โดยสารเข้าพักในโรงแรมต่าง ๆ จัดบริการรับส่ง
**ไทยแอร์เอเชียยกเลิกเที่ยวบิน
สายการบินไทยแอร์เอเชีย ยังคงประกาศยกเลิกเที่ยวบินที่จะขึ้น-ลงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งเที่ยวบินในประเทศและระหว่างประเทศทุกเที่ยวบิน รวม 106 เที่ยว.