สศค.เผย ฐานะการคลัง ไตรมาสแรกปีงบ 52 รัฐบาลขาดดุลการคลัง 1.25 แสนล้าน เป็นผลจากรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ลดลง และการเพิ่มวงเงินอัดฉีดกระตุ้น ศก.เพิ่มขึ้น
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยฐานะการคลังเบื้องต้นตามระบบ สศค.ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2552 (ตุลาคม-ธันวาคม 2551) สรุปได้ว่า รัฐบาลและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอัดฉีดเงินสุทธิเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหรือขาดดุลการคลังทั้งสิ้น 124,800 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขาดดุลเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีงบประมาณ 2551 จำนวน 55,415 ล้านบาท
“การขาดดุลดังกล่าวสะท้อนถึงบทบาทของนโยบายการคลังในการพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2552 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของการดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่”
นายสมชัย กล่าวว่า ไตรมาสแรก รัฐบาลมีรายได้จำนวน 419,873 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.5 ของจีดีพีลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2551 ร้อยละ 13.1 เป็นผลจากการลดลงทั้งในส่วนของรายได้รัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งรัฐบาลมีรายได้รวม 274,787 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16.4 เนื่องจากการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมหลักที่ลดลง และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่ต่ำกว่าระยะเดียวกันปีงบประมาณ 2551 รวมทั้งเป็นผลจากการคืนภาษีของกรมสรรพากรที่เพิ่มขึ้นมาก
ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีรายได้ทั้งสิ้น 51,436 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17.8 เนื่องจากได้รับเงินอุดหนุนทั่วไปจากรัฐบาลช้ากว่าปีงบประมาณ 2551 ส่วนบัญชีนอกงบประมาณซึ่งประกอบด้วยกองทุนนอกงบประมาณและเงินฝากนอกงบประมาณ มีรายได้รวม 93,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6
ด้านรายจ่ายของภาครัฐบาล รวมการให้กู้หักชำระคืนตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจจริง มีจำนวน 544,674 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.5 โดยการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวน 399,686 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.3 ของจีดีพี เพิ่มขึ้น 8,720 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีงบประมาณ 2551 ที่มีรายจ่ายทั้งสิ้น 390,966 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.3 ของจีดีพี
ขณะที่รายจ่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีจำนวน 65,652 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของจีดีพีลดลง 77,975 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.9 ของจีดีพี โดยรายจ่ายเงินกู้ต่างประเทศ มีการเบิกจ่าย 2,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,204 ล้านบาท เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีงบประมาณ 2551 ที่มีการเบิกจ่ายเพียง 79 ล้านบาท เนื่องจากปีที่ผ่านมาไม่มีการเบิกจ่ายในส่วนของเงินกู้ SAL สำหรับบัญชีนอกงบประมาณมีรายจ่ายและเงินให้กู้หักชำระคืนตามนโยบายรัฐบาลรวม 77,053 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 7.9 สาเหตุจากรายจ่ายของกองทุนลดลง เช่น รายจ่ายเพื่อชดเชยราคาน้ำมันของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ ผลจากการที่ภาครัฐบาลมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ส่งผลให้ขาดดุลการคลังจำนวน 124,800 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.3 ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีงบประมาณ 2551 ที่ขาดดุล 69,386 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.8 ของจีดีพี ซึ่งเมื่อไม่รวมรายได้และรายจ่ายดอกเบี้ย และการชำระคืนต้นเงินกู้ ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2552 ขาดดุลทั้งสิ้น 92,471 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.0 ของจีดีพี ขณะที่ช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2551 ขาดดุล 38,086 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.4 ของจีดีพี