สสว. สานต่อโครงการเงินทุนสนับสนุนการประกอบธุรกิจของ เอสเอ็มอีไทย ระยะ 2 เตรียมเม็ดเงินอุดหนุนแบบกว่า 10 ล้านบาท สนับสนุนเอสเอ็มอีวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท/ราย คาดช่วยพัฒนา พร้อมเสริมศักยภาพทั้งด้านบริหารจัดการ เล็งกู้วิกฤติเอสเอ็มอีให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในวงกว้างในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องประสบปัญหาทั้งเรื่องต้นทุนการผลิต การตลาด และที่สำคัญเรื่องสภาพคล่องหรือเงินทุนในการดำเนินกิจการ ทาง สสว. จึงได้สานต่อโครงการเงินทุนสนับสนุนการประกอบธุรกิจของ เอสเอ็มอีไทย (Capacity Building Fund) ระยะที่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในด้านการบริหารจัดการ ด้านต้นทุนการผลิต รวมถึงการแสวงหาตลาดใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้
“โครงการเงินทุนสนับสนุนการประกอบธุรกิจของเอสเอ็มอีไทย หรือ Capacity Building Fund นั้นเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2551 โดยเป็นเงินอุดหนุนแบบให้เปล่า (Grant) ไม่ต้องชำระคืน ซึ่งในปีนี้ สสว. เตรียมงบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยสัดส่วนการสนับสนุน 50% ของค่าใช้จ่ายจริง วงเงินสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/ราย การสนับสนุนนี้จะประกอบด้วย ระบบสนับสนุน 3 ระบบ คือ ระบบสนับสนุนเอสเอ็มอี เพื่อการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ (Internationalization Fund) ระบบสนับสนุนเอสเอ็มอี ด้านทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property Fund) และ ระบบสนับสนุนบริการที่ปรึกษาเอสเอ็มอี (Consultancy Fund)” นายภักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจขอรับการสนับสนุนจาก สสว. ผ่านโครงการเงินทุนสนับสนุนการประกอบธุรกิจของ SMEs ไทย นอกจากจะสามารถติดต่อโดยตรงมาที่ สสว. แล้ว ยังสามารถติดต่อผ่านหน่วยงานร่วม ทั้งส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เช่น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการส่งออก กรมทรัพย์สินทางปัญญา หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งองค์กรที่มีภารกิจเป็นหน่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่มีความร่วมมือกับ สสว.ได้
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในวงกว้างในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องประสบปัญหาทั้งเรื่องต้นทุนการผลิต การตลาด และที่สำคัญเรื่องสภาพคล่องหรือเงินทุนในการดำเนินกิจการ ทาง สสว. จึงได้สานต่อโครงการเงินทุนสนับสนุนการประกอบธุรกิจของ เอสเอ็มอีไทย (Capacity Building Fund) ระยะที่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในด้านการบริหารจัดการ ด้านต้นทุนการผลิต รวมถึงการแสวงหาตลาดใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้
“โครงการเงินทุนสนับสนุนการประกอบธุรกิจของเอสเอ็มอีไทย หรือ Capacity Building Fund นั้นเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากปี 2551 โดยเป็นเงินอุดหนุนแบบให้เปล่า (Grant) ไม่ต้องชำระคืน ซึ่งในปีนี้ สสว. เตรียมงบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยสัดส่วนการสนับสนุน 50% ของค่าใช้จ่ายจริง วงเงินสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/ราย การสนับสนุนนี้จะประกอบด้วย ระบบสนับสนุน 3 ระบบ คือ ระบบสนับสนุนเอสเอ็มอี เพื่อการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ (Internationalization Fund) ระบบสนับสนุนเอสเอ็มอี ด้านทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property Fund) และ ระบบสนับสนุนบริการที่ปรึกษาเอสเอ็มอี (Consultancy Fund)” นายภักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจขอรับการสนับสนุนจาก สสว. ผ่านโครงการเงินทุนสนับสนุนการประกอบธุรกิจของ SMEs ไทย นอกจากจะสามารถติดต่อโดยตรงมาที่ สสว. แล้ว ยังสามารถติดต่อผ่านหน่วยงานร่วม ทั้งส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เช่น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการส่งออก กรมทรัพย์สินทางปัญญา หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมทั้งองค์กรที่มีภารกิจเป็นหน่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่มีความร่วมมือกับ สสว.ได้
