เตรียมรื้อแผน พีดีพี 2007 แฉข้อมูลไม่อัปเดต พยากรณ์การใช้ไฟฟ้าสูงเกินจริง ไม่สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ หวั่นสร้างภาระลงทุนโรงไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น นักวิชาการ มอง ปชช.เข้าไม่ถึงการจัดทำแผนฯ เพราะถูกปิดกั้นมาโดยตลอด “มาร์ค” รับปาก พร้อมทบทวนแผนใหม่ เตรียมถกบอร์ด กพช.-สภาพัฒน์ ก่อนชี้ขาด “วรรณรัตน์” ย้ำ ต้องปรับปรุงให้สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ ลดการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ให้ได้ 4.59 แสนล้าน
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกระแสข่าวแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี 2007) ซึ่งมีการเตรียมเดินหน้าลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าอีกหลายแห่งในปี 2552 ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าลดลงจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้มีการทักท้วงถึงความเหมาะสมในการนำเงินภาษีไปลงทุน และมีการร้องเรียนต่อรัฐบาลให้ทบทวนแผนใหม่
นพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า แผนพีดีพี 2007 ได้อนุมัติตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แล้ว รัฐบาลชุดนี้แค่นำแผนมาปรับปรุงให้สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจที่ลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวม เพราะได้ลดกำลังผลิตกว่า 5,000 เมกะวัตต์ และลดการลงทุนไป 4.59 แสนล้านบาท
โดยวานนี้ นางวัชรี เผ่าเหลืองทอง ผู้ประสานงานกลุ่มพลังงานทางเลือกเพื่ออนาคต พร้อมด้วยนายศุภกิจ นันทวรการ นักวิจัยมูลนิธินโยบายสุขภาวะ ผู้นำเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ได้เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ ทบทวนแผนพีดีพี 2007 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 ยกเลิกโครงการไฟฟ้าของเอกชน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
“ภาคประชาชนเห็นว่า ขาดความโปร่งใสและภาคประชาชนไม่มีส่วนร่วม และยังเป้นการลงทุนในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ประชาชน โรงงานต่างๆ ใช้ไฟฟ้าน้อยลง การนำเงินภาษีประชาชนจำนวนมากไปลงทุนก่อสร้าง อาจเป็นการใช้เงินที่ไม่มีประสิทธิภาพ จึงอยากให้มีการทบทวนโดยด่วนก่อนที่จะตัดสินใจ”
นายศุภกิจ กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลจัดทำแผนพีดีพีและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าใหม่ ซึ่งการจัดทำแผนควรเปิดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง รวมทั้งขอให้ระงับดำเนินการตามแผนพีดีพี ทั้งเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของ กฟผ.และสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ โดยขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณี กฟผ.เร่งเซ็นสัญญารับซื้อไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ทั้ง 3 โครงการ และตรวจสอบเงื่อนไขการประมูลโรงไฟฟ้าหลายแห่ง
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยินดีที่จะนำข้อเสนอต่างๆ หารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งหน้า เพราะยังมีประเด็นเชิงนโยบายที่ต้องการให้มีการรับฟังความเห็นอย่างรอบคอบ ในเรื่องการพยากรณ์การใช้ไฟฟ้าตามแผนพีดีพี ซึ่งจะกระทบไปถึงความจำเป็นในการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งของรัฐและเอกชน โดยขณะนี้ ครม.มอบให้กระทรวงพลังงานไปรับฟังความเห็นถึงข้อห่วงใยของประชาชน และดูการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าว่าเกินจริงหรือไม่
มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า หลังมีการปรับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมา แต่ยังคงถูกคัดค้านจากภาคประชาชนและนักวิชาการ เพราะเห็นว่า หน่วยงานภาครัฐยังคงพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเกินจริง ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเกินจริง และเป็นภาระค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องแบกรับ
กระทรวงพลังงาน จึงเตรียมจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ โดยตลอดปีนี้จะคาดการณ์ความเติบโตทางเศรษฐกิจ ร่วมกับสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพันฒน์) ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า
ขณะที่นักวิชาการ เห็นว่า น่าจะยังคงคาดการณ์สูงเกินจริงอยู่ เพราะในอดีตการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า ไม่เคยเปิดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง แต่การที่ชาวบ้านคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าเอกชน ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ อาจจะมีโอกาสให้ฝ่ายบริหาร ส่งสัญญาณไปถึงกระบวนการจัดทำแผนฉบับใหม่ได้
สำหรับที่มาของแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า ปี 2550 (PDP 2007) เป็นแผนแม่บทในการจัดหาไฟฟ้าไว้ตอบสนองความต้องการของประเทศ โดยกำหนดความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ และทางเลือกในการกำหนดแหล่งที่มาของไฟฟ้า ว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงพาณิชย์ อย่างก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน หรือพลังงานหมุนเวียน อย่างพลังงานลม เซลล์แสงอาทิตย์ เป็นต้น รวมทั้งการพิจารณาซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศด้วย