ตัวเลขค้าปลีกสหรัฐฯ ลดลง 2.7% ฉุดดาวโจนส์ดิ่ง 248 จุด นักลงทุนผิดหวังข้อมูลเกี่ยวกับยอดขายปลีกและสถาบันการเงินในประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันไนเมกซ์ร่วงต่ออีก 50 เซนต์ ปิดตลาดที่ 37.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทองคำร่วง 11.90 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีหุ้นสำคัญของยุโรปก็รูดลงตามไปด้วย
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดที่ระดับ 8,200.14 จุด ลดลง 248.42 จุด หรือ 2.94% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,489.64 จุด ลดลง 56.82 จุด หรือ 3.67% และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 842.62 จุด ลดลง 29.17 จุด หรือ 3.35 %
นักวิเคราห์ ระบุว่า การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากข้อมูลล่าสุดที่ระบุว่า ยอดขายของธุรกิจค้าปลีกในเดือนธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ลดลงถึง 2.7% มากกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้กว่าเท่าตัว ชี้ว่าผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายอย่างหนักในช่วงปลายปีที่ผ่านมาจากผลพวงวิกฤตเศรษฐกิจ
ขณะที่ ซิตี้กรุ๊ป เตรียมขายธุรกิจนายหน้า (โบรกเกอร์) ให้กับมอร์แกน สแตนลีย์ ดพื่อแลกกับเงิน 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนว่าสถาบันการเงินยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง
ด้านราคาน้ำมันดิบไนเมกซ์ (NYMEX) ตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 37.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 50 เซนต์ ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลงอย่างหนัก
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปดิ่งหนักถ้วนหน้า ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ระดับ 4,180.64 จุด ลดลง 218.51 จุด หรือ 4.97% ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ระดับ 4,422.35 จุด ลดลง 214.59 จุด หรือ 4.63% และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ระดับ 3,052 จุด ลดลง 145.89 จุด หรือ 4.56%
ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 45.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับขึ้น 25 เซนต์
ขณะที่ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 808.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 11.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนตลาดลอนดอน ปิดที่ 810.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 15.55 ดอลลาร์สหรัฐฯ