ปตท รับไตรมาส4ขาดทุน จากธุรกิจโรงกลั่นขาดทุนสต๊อกน้ำมันสูง ชี้ปีนี้เป็นปีปรับฐานหวังกำไรดีขึ้นในปี53 ด้านบ้านปู คาดราคาขายถ่านหินปีนี้เฉลี่ย 75-80 เหรียญสหรัฐต่อตัน พร้อมเซ็นสัญญาขายถ่านหินแล้ว 50% คาดรายได้ปีนี้โต10% ตามยอดขายถ่านถิน
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTTเปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานปี 2552 จะใกล้เคียงกับปี 2551 จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันที่ลดลงซึ่งถือเป็นปีแห่งการปรับฐาน แต่เชื่อว่าผลการดำเนินงานปี 2553 จะปรับตัวดีขึ้น แต่ในไตรมาส4/51บริษัทคาดว่าจะมีผลขาดทุน จากความผันผวนของราคานำมันที่ปรับตัวลดลงรุนแรง ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นขาดทุนจำนวนมาก
ทั้งนี้ ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2551ต่ำกว่าปี 2550แต่มั่นใจว่ายอดขายปี51ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท ส่วนผลประกอบการปี2552 คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปี 2551จากการเมืองที่ชัดเจน ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกมีมาตราการทางการแก้ไข โดยการระดมความคิดจากหลายประเทศด้วยกัน ในปีนี้จึงเป็นปีแห่งการปรับฐานทางเศรษฐกิจให้แข้มแข็งจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ลามมายังประเทศไทย ผลการขาดทุนดังกล่าวเป็นเพียงวิกฤตในช่วงระยะเวลาที่เกิดจากปี51สู่ปี52 เท่านั้น รวมถึงการคาดการณ์ราคาน้ำมันที่คงที่และไม่ผันผวนรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา โดยคาดว่าผลการดำเนินงานปี2553จะปรับตัวดีขึ้น
สำหรับราคาน้ำมันในขณะนี้จะยังไม่มีการปรับตัวไปจนถึงช่วงไตรมาส1/52-ไตรมาส2/52 จากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้กำลังการบริโภคลดลง ซึ่งจะปรับตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่3/52-ไตรมาส4/52 โดยคาดการณ์ว่าการปรับตัวของราคาน้ำมันจะไม่ดีดตัวสูงถึง 140-150เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งราคาน้ำมันที่คงที่จะมีส่วนสร้างผลประกอบการที่ดีให้กับธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันได้กลับมาเติบโตอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปตท.ยังไม่มีการพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศลงในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับลดลงมา เนื่องจากค่าทางการตลาดเพิ่งกลับมาเป็นบวก ซึ่งขณะนี้อยู่ปริมาณลิตรละ 1 บาทเศษ ทั้งนี้ต้องรอดูราคาน้ำมันตลาดโลกประกอบด้วยหากมีการปรับตัวลงอีกทางปตท.จึงจะมีการพิจารณาอีกครั้ง
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทคาดราคาถ่านหินในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 75-80 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งบริษัทคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 10% จากปี2551 เนื่องจาก ปริมาณการขายถ่านหินจะเพิ่มขึ้น 10% เป็น 20 ล้านตัน จากปี 2551 ที่มียอดขายถ่านหิน 18.5 ล้านตันจากราคาขายถ่านหินที่ใกล้เคียงปี2551ที่เฉลี่ย 72 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการเซ็นสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าไปแล้ว 50% ที่ราคาเกือบ 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน และจากปัญหาวิกฤตทางการเงินนั้นกระทบต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้กำลังการซื้อลดลงนั้น ทำให้บริษัทมีการเตรียมหาลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTTเปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานปี 2552 จะใกล้เคียงกับปี 2551 จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจ และราคาน้ำมันที่ลดลงซึ่งถือเป็นปีแห่งการปรับฐาน แต่เชื่อว่าผลการดำเนินงานปี 2553 จะปรับตัวดีขึ้น แต่ในไตรมาส4/51บริษัทคาดว่าจะมีผลขาดทุน จากความผันผวนของราคานำมันที่ปรับตัวลดลงรุนแรง ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นขาดทุนจำนวนมาก
ทั้งนี้ ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2551ต่ำกว่าปี 2550แต่มั่นใจว่ายอดขายปี51ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท ส่วนผลประกอบการปี2552 คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปี 2551จากการเมืองที่ชัดเจน ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกมีมาตราการทางการแก้ไข โดยการระดมความคิดจากหลายประเทศด้วยกัน ในปีนี้จึงเป็นปีแห่งการปรับฐานทางเศรษฐกิจให้แข้มแข็งจากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ลามมายังประเทศไทย ผลการขาดทุนดังกล่าวเป็นเพียงวิกฤตในช่วงระยะเวลาที่เกิดจากปี51สู่ปี52 เท่านั้น รวมถึงการคาดการณ์ราคาน้ำมันที่คงที่และไม่ผันผวนรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา โดยคาดว่าผลการดำเนินงานปี2553จะปรับตัวดีขึ้น
สำหรับราคาน้ำมันในขณะนี้จะยังไม่มีการปรับตัวไปจนถึงช่วงไตรมาส1/52-ไตรมาส2/52 จากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลให้กำลังการบริโภคลดลง ซึ่งจะปรับตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่3/52-ไตรมาส4/52 โดยคาดการณ์ว่าการปรับตัวของราคาน้ำมันจะไม่ดีดตัวสูงถึง 140-150เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งราคาน้ำมันที่คงที่จะมีส่วนสร้างผลประกอบการที่ดีให้กับธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันได้กลับมาเติบโตอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปตท.ยังไม่มีการพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศลงในช่วงระยะเวลาอันสั้นนี้ แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับลดลงมา เนื่องจากค่าทางการตลาดเพิ่งกลับมาเป็นบวก ซึ่งขณะนี้อยู่ปริมาณลิตรละ 1 บาทเศษ ทั้งนี้ต้องรอดูราคาน้ำมันตลาดโลกประกอบด้วยหากมีการปรับตัวลงอีกทางปตท.จึงจะมีการพิจารณาอีกครั้ง
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทคาดราคาถ่านหินในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 75-80 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งบริษัทคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 10% จากปี2551 เนื่องจาก ปริมาณการขายถ่านหินจะเพิ่มขึ้น 10% เป็น 20 ล้านตัน จากปี 2551 ที่มียอดขายถ่านหิน 18.5 ล้านตันจากราคาขายถ่านหินที่ใกล้เคียงปี2551ที่เฉลี่ย 72 เหรียญสหรัฐต่อตัน
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการเซ็นสัญญาขายถ่านหินล่วงหน้าไปแล้ว 50% ที่ราคาเกือบ 80 เหรียญสหรัฐต่อตัน และจากปัญหาวิกฤตทางการเงินนั้นกระทบต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้กำลังการซื้อลดลงนั้น ทำให้บริษัทมีการเตรียมหาลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น