กคช.เตรียมยื่น6แนวทางเสนอครม.แก้ปัญหาบ้านเอื้ออาทร ให้สิทธิ์ลูกค้าบ้านเอื้อฯโอนได้ทันที ขายยกล็อตโครงการใกล้นิคม-หน่วยราชการ ปรับราคาขายบ้านบางทำเลเสริมความคล่องตัว พร้อมให้รัฐจัดหาแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำ 4% ปล่อยกู้ยาว 30 ปี พร้อมเปิดวงเงินโอ/ดีเพิ่มอีก 500ล้าน รองรับลูกค้าทิ้งบ้านปี52 ล่าสุดเตรียมจัดมหกรรม"บ้านเอื้อฯสัญจร"อีกครั้ง ตั้งเป้ายอดขายจากงาน 10,000-15,000 หน่วย
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า กคช.เตรียมนำกรอบและแผนการแก้ปัญหาในโครงการบ้านเอื้ออาทรเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอมติเห็นชอบใน 6 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1.การยกเลิกข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาในการโอนบ้านให้ซื้อบ้านเอื้ออาทร จากเดิมที่กำหนดว่า กคช.จะสามารถมอบโอนบ้านให้แก่ประชาชนได้ในปีที่6 หลังจากที่ผู้ซื้อผ่อนจ่ายค่างวดต่อเนื่องเป็นเวลา5ปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิ์ของผู้ซื้อ เพราะผู้ซื้อบางรายมีความสามารถในการจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด และมีความพร้อมในการรับโอนบ้านในทันที ซึ่งเรื่องดังกล่าว กคช.จะขอให้ครม.อนุมัติแก้ไขเรื่องระยะเวลาในการโอน โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนด5ปี หรือให้ผู้ซื้อสามารถรับโอนบ้านได้ทันทีหลังผ่านการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
2.จะขอเสนอให้สามารถขายยกอาคารบ้านเอื้อฯ สำหรับโครงการที่อยู่ในโซนโรงงานอุตสาหกรรม ให้แก่บริษัทหรือนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงหน่วยงานราชาการ ที่ต้องการนำอาคารบ้านเอื้ออาทรไว้ใช้เป็นสวัสดิ์การให้แก่พนักงานหรือเป็นบ้านพักข้าราชการ เป็นต้น
3.การขอปรับราคาขายบ้านในบางพื้นที่หรือในบางส่วนของโครงการ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการตั้งราคาขาย เช่น ห้องชุดในอาคารชั้นล่างและชั้นบน โดยให้ กคช.สามารถตั้งราคาขายที่ต่างกันได้ ตามความเหมาะสม หรือในบางทำเลราคาที่ดินมีราคาสูงก็ให้สามารถปรับราคาขายได้
4.การขออนุมัติการสนับสนุนด้านระบบคมนาคมจากหน่วยงานรัฐบาล เช่น ขอให้จัดรถโดยสารบริการประชาชนเชื่อมต่อการเดินทางเข้ามาหรือการเดินทางเข้าสู่แหล่งงาน ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลก็มีการสนับสนุนให้ขสมก.จัดรถโดยสารเข้ามาให้บริหารในบางโครงการแล้ว 5.การจัดหาสถาบันการเงินมาสนับสนุนสินเชื่อแก่ลูกค้าในโครงการ จากเดิมที่มีอยู่ 2 ธนาคาร คือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)และออมสิน
และ6.ขอให้รัฐบาลช่วยจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ4%ระยะยาว10-30ปีให้แก่ลูกค้าบ้านเอื้อฯ ซึ่งในส่วนนี้ รัฐบาลอาจจะตั้งเป็นกองทุนหรือจัดหาแหล่งเงินใหม่ๆ ให้
“มาตรการการแก้ปัญหาบ้านเอื้อฯทั้งหมด เป็นแนวทางที่กคช.เตรียมจะเสนอครม.ตั้งแต่ในปี51ที่ผ่านมา แต่ไม่มีโอกาสได้ส่งเรื่องเสนอต่อรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมครม. เพราะมีการเปลี่ยนแปลงครม.บ่อยครั้ง เมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามา กคช.จึงเตรียมนำแผนดังกล่าวเสนอต่อครม.เพื่ออนุมัติอีกครั้งหนึ่ง”
นายสุชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ยังคงเป็นปัญหาหลักสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำจริงๆ ซึ่งกคช.ได้เปลี่ยนจากการให้ลูกค้าไปขอกู้กับสถาบันการเงินมากู้กับกคช.แทน โดยให้ลูกค้าผ่อนส่งกับการเคหะฯไปก่อน ซึ่งหากลูกค้ามีวินัยการเงินที่ดี ก็จะนำรายชื่อยื่นกู้ต่อสถาบันการเงินต่อไป โดยขณะนี้มีลูกค้าที่ผ่อนจ่ายกับ กคช.อยู่ประมาณ 10,000 รายเศษ
***สหกรณ์ฯจ่อปิดก๊อกวงเงินโอ/ดี
ผู้ว่าฯกคช.กล่าวถึงการเปิดวงเงินกู้ของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นในปีที่ผ่านมาว่า ทางสหกรณ์ฯอนุมัติวงเงินให้780ล้านบาท สามารถรองรับผู้กู้ซื้อบ้านเอื้อฯได้ประมาณ 1,000 รายเศษ ส่วนในปี 52 สหกรณ์ฯยังไม่ได้อนุมิติเปิดวงเงินใหม่เพิ่มให้กคช. เนื่องจากสหกรณ์ฯมีลูกค้าจำนวนมากและต้องรักษาวงเงินไว้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์ฯด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของการเปิดวงเงินเบิกเกินบัญชี(โอ/ดี) สำหรับซื้อบ้านเอื้อฯคืนจากสถาบันการเงิน ในกรณีที่ลูกค้าขาดการส่งต่อค่างวดบ้านเกิน3เดือนนั้น ในปีที่ผ่านมา กคช.ได้ขออนุมัติวงเงินเพิ่ม 480 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันกคช.มีวงเงินที่ใช้ซื้อคืนบ้านเอื้อฯไปแล้ว 780 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 2,000 หน่วย ส่วนในปีนี้ กคช.มีแผนจะขอเปิดวงเงินโอ/ดีเพิ่มอีก 500ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับลูกกลุ่มดังกล่าวประมาณ 1,000 หน่วยเศษ
***กคช.ทยอยชำระหนี้ก้อนโต
สำหรับหนี้ที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงการบ้านเอื้อฯจำนวน 50,000 ล้านบาทนั้น ในปีที่ผ่านมา กคช.ได้ชำระไปแล้ว 30,000กว่าล้านบาท ส่วนปีนี้จะมียอดเงินที่ครบกำหนดชำระ20,000 กว่าล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ชำระไปแล้ว 1,800ล้านบาท ซึ่งวงเงินทั้งหมด20,000 ล้านบาทจะครบกำหนดชำระเป็นงวดๆไป ส่วนแผนการตัดขายที่ดินใช้หนี้นั้น กำลังพิจารณาถึงผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนอยู่ ซึ่งเดิมในปี51มีแผนจะตัดที่ดินขาย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากต้องตรวจสอบงบกำไรขาดทุนของปี51ที่เกิดจากการขายบ้านเอื้อฯต่ำกว่าราคาทุนต่อหน่วย50,000-60,000 บาทก่อน
***เข็นมหกรรม"บ้านเอื้อฯสัญจร"ต่อ
นายสุชาติ กล่าวถึงความก้าวหน้าของโครงการบ้านเอื้อฯว่า ปัจจุบันมีจำนวนที่สร้างเสร็จแล้ว 157,000 หน่วย ในจำนวนนี้มียอดขายและเข้าอยู่แล้ว73,000 หน่วย ส่วนบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมีจำนวน124,000 หน่วย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี52ประมาณ 80,000 หน่วย โดยในปีนี้ กคช. ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเพิ่มอีก 40,000 หน่วย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า จากปัญหาการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ อาจจะส่งผลต่อยอดขายอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโดยตรง ทำให้ในปีนี้ กคช.ต้องหาแนวทางในการเร่งยอดขายให้มากที่สุด
ล่าสุด กคช.มีแผนจะนำบ้านในโครงการบ้านเอื้อฯทั้งหมดทั่วประเทศ มาจัดงานมหกรรมที่อยู่อาศัยบ้านบ้านเอื้อฯครั้งแรก ระหว่างวันที่6-15 ก.พ.นี้ และครั้งที่สองในวันที่ 5-14 มิ.ย. โดยคาดหวังว่าจะมียอดขายรวม 10,000-15,000 หน่วย
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า กคช.เตรียมนำกรอบและแผนการแก้ปัญหาในโครงการบ้านเอื้ออาทรเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอมติเห็นชอบใน 6 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1.การยกเลิกข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาในการโอนบ้านให้ซื้อบ้านเอื้ออาทร จากเดิมที่กำหนดว่า กคช.จะสามารถมอบโอนบ้านให้แก่ประชาชนได้ในปีที่6 หลังจากที่ผู้ซื้อผ่อนจ่ายค่างวดต่อเนื่องเป็นเวลา5ปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิ์ของผู้ซื้อ เพราะผู้ซื้อบางรายมีความสามารถในการจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด และมีความพร้อมในการรับโอนบ้านในทันที ซึ่งเรื่องดังกล่าว กคช.จะขอให้ครม.อนุมัติแก้ไขเรื่องระยะเวลาในการโอน โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนด5ปี หรือให้ผู้ซื้อสามารถรับโอนบ้านได้ทันทีหลังผ่านการอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
2.จะขอเสนอให้สามารถขายยกอาคารบ้านเอื้อฯ สำหรับโครงการที่อยู่ในโซนโรงงานอุตสาหกรรม ให้แก่บริษัทหรือนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงหน่วยงานราชาการ ที่ต้องการนำอาคารบ้านเอื้ออาทรไว้ใช้เป็นสวัสดิ์การให้แก่พนักงานหรือเป็นบ้านพักข้าราชการ เป็นต้น
3.การขอปรับราคาขายบ้านในบางพื้นที่หรือในบางส่วนของโครงการ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการตั้งราคาขาย เช่น ห้องชุดในอาคารชั้นล่างและชั้นบน โดยให้ กคช.สามารถตั้งราคาขายที่ต่างกันได้ ตามความเหมาะสม หรือในบางทำเลราคาที่ดินมีราคาสูงก็ให้สามารถปรับราคาขายได้
4.การขออนุมัติการสนับสนุนด้านระบบคมนาคมจากหน่วยงานรัฐบาล เช่น ขอให้จัดรถโดยสารบริการประชาชนเชื่อมต่อการเดินทางเข้ามาหรือการเดินทางเข้าสู่แหล่งงาน ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลก็มีการสนับสนุนให้ขสมก.จัดรถโดยสารเข้ามาให้บริหารในบางโครงการแล้ว 5.การจัดหาสถาบันการเงินมาสนับสนุนสินเชื่อแก่ลูกค้าในโครงการ จากเดิมที่มีอยู่ 2 ธนาคาร คือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)และออมสิน
และ6.ขอให้รัฐบาลช่วยจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ4%ระยะยาว10-30ปีให้แก่ลูกค้าบ้านเอื้อฯ ซึ่งในส่วนนี้ รัฐบาลอาจจะตั้งเป็นกองทุนหรือจัดหาแหล่งเงินใหม่ๆ ให้
“มาตรการการแก้ปัญหาบ้านเอื้อฯทั้งหมด เป็นแนวทางที่กคช.เตรียมจะเสนอครม.ตั้งแต่ในปี51ที่ผ่านมา แต่ไม่มีโอกาสได้ส่งเรื่องเสนอต่อรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมครม. เพราะมีการเปลี่ยนแปลงครม.บ่อยครั้ง เมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามา กคช.จึงเตรียมนำแผนดังกล่าวเสนอต่อครม.เพื่ออนุมัติอีกครั้งหนึ่ง”
นายสุชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ยังคงเป็นปัญหาหลักสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำจริงๆ ซึ่งกคช.ได้เปลี่ยนจากการให้ลูกค้าไปขอกู้กับสถาบันการเงินมากู้กับกคช.แทน โดยให้ลูกค้าผ่อนส่งกับการเคหะฯไปก่อน ซึ่งหากลูกค้ามีวินัยการเงินที่ดี ก็จะนำรายชื่อยื่นกู้ต่อสถาบันการเงินต่อไป โดยขณะนี้มีลูกค้าที่ผ่อนจ่ายกับ กคช.อยู่ประมาณ 10,000 รายเศษ
***สหกรณ์ฯจ่อปิดก๊อกวงเงินโอ/ดี
ผู้ว่าฯกคช.กล่าวถึงการเปิดวงเงินกู้ของสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นในปีที่ผ่านมาว่า ทางสหกรณ์ฯอนุมัติวงเงินให้780ล้านบาท สามารถรองรับผู้กู้ซื้อบ้านเอื้อฯได้ประมาณ 1,000 รายเศษ ส่วนในปี 52 สหกรณ์ฯยังไม่ได้อนุมิติเปิดวงเงินใหม่เพิ่มให้กคช. เนื่องจากสหกรณ์ฯมีลูกค้าจำนวนมากและต้องรักษาวงเงินไว้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์ฯด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของการเปิดวงเงินเบิกเกินบัญชี(โอ/ดี) สำหรับซื้อบ้านเอื้อฯคืนจากสถาบันการเงิน ในกรณีที่ลูกค้าขาดการส่งต่อค่างวดบ้านเกิน3เดือนนั้น ในปีที่ผ่านมา กคช.ได้ขออนุมัติวงเงินเพิ่ม 480 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันกคช.มีวงเงินที่ใช้ซื้อคืนบ้านเอื้อฯไปแล้ว 780 ล้านบาท หรือคิดเป็นจำนวน 2,000 หน่วย ส่วนในปีนี้ กคช.มีแผนจะขอเปิดวงเงินโอ/ดีเพิ่มอีก 500ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับลูกกลุ่มดังกล่าวประมาณ 1,000 หน่วยเศษ
***กคช.ทยอยชำระหนี้ก้อนโต
สำหรับหนี้ที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงการบ้านเอื้อฯจำนวน 50,000 ล้านบาทนั้น ในปีที่ผ่านมา กคช.ได้ชำระไปแล้ว 30,000กว่าล้านบาท ส่วนปีนี้จะมียอดเงินที่ครบกำหนดชำระ20,000 กว่าล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ชำระไปแล้ว 1,800ล้านบาท ซึ่งวงเงินทั้งหมด20,000 ล้านบาทจะครบกำหนดชำระเป็นงวดๆไป ส่วนแผนการตัดขายที่ดินใช้หนี้นั้น กำลังพิจารณาถึงผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนอยู่ ซึ่งเดิมในปี51มีแผนจะตัดที่ดินขาย แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าว เนื่องจากต้องตรวจสอบงบกำไรขาดทุนของปี51ที่เกิดจากการขายบ้านเอื้อฯต่ำกว่าราคาทุนต่อหน่วย50,000-60,000 บาทก่อน
***เข็นมหกรรม"บ้านเอื้อฯสัญจร"ต่อ
นายสุชาติ กล่าวถึงความก้าวหน้าของโครงการบ้านเอื้อฯว่า ปัจจุบันมีจำนวนที่สร้างเสร็จแล้ว 157,000 หน่วย ในจำนวนนี้มียอดขายและเข้าอยู่แล้ว73,000 หน่วย ส่วนบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมีจำนวน124,000 หน่วย คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี52ประมาณ 80,000 หน่วย โดยในปีนี้ กคช. ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายเพิ่มอีก 40,000 หน่วย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า จากปัญหาการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ อาจจะส่งผลต่อยอดขายอยู่ค่อนข้างมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโดยตรง ทำให้ในปีนี้ กคช.ต้องหาแนวทางในการเร่งยอดขายให้มากที่สุด
ล่าสุด กคช.มีแผนจะนำบ้านในโครงการบ้านเอื้อฯทั้งหมดทั่วประเทศ มาจัดงานมหกรรมที่อยู่อาศัยบ้านบ้านเอื้อฯครั้งแรก ระหว่างวันที่6-15 ก.พ.นี้ และครั้งที่สองในวันที่ 5-14 มิ.ย. โดยคาดหวังว่าจะมียอดขายรวม 10,000-15,000 หน่วย