ราคาหุ้น SPPT รูดปิดวานนี้ 3.10 บาท ลดลง 0.30 บาทหรือ 8.82% หลังข่าวลอยแพ พนักงาน ผู้บริหาร แจงเลิกจ้างส่วน Subcontract 200 คน ยัน จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายกำหนดแล้วทุกประการ แม้ไม่ได้เป็นความรับผิดชอบโดยตรง ชี้ บริษัทให้ความสำคัญการเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาลดี โดยยึดหลักกฎหมายและความชอบธรรม พร้อมรักษาความสามารถการแข่งขัน
ราคาหุ้น SPPT เปิดเทรดวานนี้ (8 ม.ค.) รูดลงทันที รับข่าวปลดพนักงานออกร่วม 300 คน โดยช่วงเช้าปิดที่ 2.80 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือลดลง 17.65 % ด้วยมูลค่าซื้อขายเพียง 0.19 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ช่วงบ่ายพบว่า ราคาหุ้นได้ดีดกลับขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนปิดที่ 3.10 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 8.82% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 0.52 ล้านบาท โดยหุ้น SPPT เมื่อวันที่ 6-7 ม.ค.ปีนี้พบว่า ไม่มีการซื้อขายหรือราคาไม่เคลื่อนไหว ส่วนราคาหุ้นเปิดรับปีวัววันแรก 5 ม.ค.2552 พบว่า ปิดที่ 3.20 บาท ขณะปิดเทรดวันสุดท้ายปี 2551 ราคาอยู่ที่ 3.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 46.87 ล้านบาท
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ รองประธานกรรมการ บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) หรือ SPPT กล่าวว่า ตามที่มีข่าวเรื่องการเลิกจ้างพนักงานในช่วงที่ผ่านมาของ SPPT นั้น ขอชี้แจงว่า พนักงานที่มีข่าวว่าถูกเลิกจ้างจำนวน 300 คน ดังกล่าวทั้งหมดไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท แต่เป็นพนักงานของบริษัทผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) จาก 4 บริษัทโดย SPPT ได้ทำการส่งคืนพนักงานของบริษัท ผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) จำนวน 200 คน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มหรือลดตามสภาพของการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนั้น SPPT ยังได้รับผิดชอบจ่ายเงินชดเชยทุกอย่างตามที่กฎหมายกำหนดโดยผ่านบริษัท ผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) ทั้ง 4 บริษัท ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ความรับผิดชอบดังกล่าวเป็นภาระของบริษัท ผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) ทั้ง 4 บริษัท แต่เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม และเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาสำหรับพนักงานเหล่านั้น SPPT จึงยินดีจ่ายค่าชดเชยดังกล่าวแทนบริษัทผู้รับเหมาช่วงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะทำการตรวจสอบต่อไปว่า บริษัทผู้รับเหมาช่วง ทั้ง 4 บริษัท ได้ทำการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายให้กับพนักงานดังกล่าวตามข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับบริษัท SPPT หรือไม่
“การเลิกจ้างพนักงานที่เป็น Subcontract ทั้งหมด เป็นความจำเป็นเพราะออเดอร์ลดลง ทำให้ต้องปรับแรงงานให้สอดคล้องกับงานที่มีอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการจ้างงานพนักงานที่ เป็นSubcontract แต่หลังจากที่เราส่งคืนพนักงานให้กับบริษัทผู้รับเหมาช่วงแล้ว ก็ได้จ่ายชดเชยตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการผ่านบริษัทผู้รับเหมาช่วงทั้ง 4 บริษัท คือ พนักงานที่มีอายุงานต่ำกว่า 120 วันจะจ่ายเป็นค่าบอกกล่าวเลิกจ้างกะทันหัน ส่วนผู้ที่มีอายุงานเกิน 120 วันก็จะจ่ายทั้งค่าบอกกล่าวเลิกจ้างกะทันหัน และค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด” นายประพจน์ กล่าว
นายประพจน์ กล่าวอีกว่า บริษัทตระหนักดีในเรื่องของการเป็นบริษัทที่มีหลักธรรมาภิบาล ดังนั้น การดำเนินการทุกอย่างจึงต้องปฎิบัติโดยยึดหลักกฎหมายและความชอบธรรม แต่อย่างไรก็ดี บริษัทจำเป็นต้องรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันไปพร้อมกันด้วย
นายสืบตระกูล บินเทพ ผู้จัดการทั่วไป SPPT กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวการปลดพนักงานของบริษัท นั้น ขอย้ำว่า เป็นการปลดเฉพาะพนักงานจ้างช่วง (Subcontract) จำนวน 200 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมดในปัจจุบัน 1,100 คน โดยบริษัทได้มีการเงินชดเชยให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างในอัตรา 1.5 ของเดือน หรือเป็นเงินค่าจ้างในการทำงานประมาณ 45 วัน แต่ทางกลุ่มผู้ที่ถูกเลิกจ้างเรียกร้องเงินชดเชยเพิ่มอีกจำนวน 3 เดือน เป็น 4.5 เดือน จึงทำให้การเจรจาครั้งล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ทั้งนี้ พนักงานของบริษัทจำนวน 1,100 คน จะแบ่งออกเป็น 4 โรงงาน คือ โรงงานประกอบชิ้นส่วน 1 โรงงาน มีพนักงานประจำ 200 คน และพนักงานซับคอนแทรก 200 คน ส่วนอีก 3โรงงานที่เหลือจะเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วน ซึ่งมีพนักงานจำนวน 700 คน
ราคาหุ้น SPPT เปิดเทรดวานนี้ (8 ม.ค.) รูดลงทันที รับข่าวปลดพนักงานออกร่วม 300 คน โดยช่วงเช้าปิดที่ 2.80 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือลดลง 17.65 % ด้วยมูลค่าซื้อขายเพียง 0.19 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ช่วงบ่ายพบว่า ราคาหุ้นได้ดีดกลับขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนปิดที่ 3.10 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 8.82% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 0.52 ล้านบาท โดยหุ้น SPPT เมื่อวันที่ 6-7 ม.ค.ปีนี้พบว่า ไม่มีการซื้อขายหรือราคาไม่เคลื่อนไหว ส่วนราคาหุ้นเปิดรับปีวัววันแรก 5 ม.ค.2552 พบว่า ปิดที่ 3.20 บาท ขณะปิดเทรดวันสุดท้ายปี 2551 ราคาอยู่ที่ 3.80 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 46.87 ล้านบาท
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ รองประธานกรรมการ บมจ.ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) หรือ SPPT กล่าวว่า ตามที่มีข่าวเรื่องการเลิกจ้างพนักงานในช่วงที่ผ่านมาของ SPPT นั้น ขอชี้แจงว่า พนักงานที่มีข่าวว่าถูกเลิกจ้างจำนวน 300 คน ดังกล่าวทั้งหมดไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท แต่เป็นพนักงานของบริษัทผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) จาก 4 บริษัทโดย SPPT ได้ทำการส่งคืนพนักงานของบริษัท ผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) จำนวน 200 คน ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มหรือลดตามสภาพของการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนั้น SPPT ยังได้รับผิดชอบจ่ายเงินชดเชยทุกอย่างตามที่กฎหมายกำหนดโดยผ่านบริษัท ผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) ทั้ง 4 บริษัท ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ความรับผิดชอบดังกล่าวเป็นภาระของบริษัท ผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) ทั้ง 4 บริษัท แต่เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม และเพื่อไม่ให้เป็นปัญหาสำหรับพนักงานเหล่านั้น SPPT จึงยินดีจ่ายค่าชดเชยดังกล่าวแทนบริษัทผู้รับเหมาช่วงดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะทำการตรวจสอบต่อไปว่า บริษัทผู้รับเหมาช่วง ทั้ง 4 บริษัท ได้ทำการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายให้กับพนักงานดังกล่าวตามข้อตกลงที่ได้ทำไว้กับบริษัท SPPT หรือไม่
“การเลิกจ้างพนักงานที่เป็น Subcontract ทั้งหมด เป็นความจำเป็นเพราะออเดอร์ลดลง ทำให้ต้องปรับแรงงานให้สอดคล้องกับงานที่มีอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการจ้างงานพนักงานที่ เป็นSubcontract แต่หลังจากที่เราส่งคืนพนักงานให้กับบริษัทผู้รับเหมาช่วงแล้ว ก็ได้จ่ายชดเชยตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการผ่านบริษัทผู้รับเหมาช่วงทั้ง 4 บริษัท คือ พนักงานที่มีอายุงานต่ำกว่า 120 วันจะจ่ายเป็นค่าบอกกล่าวเลิกจ้างกะทันหัน ส่วนผู้ที่มีอายุงานเกิน 120 วันก็จะจ่ายทั้งค่าบอกกล่าวเลิกจ้างกะทันหัน และค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด” นายประพจน์ กล่าว
นายประพจน์ กล่าวอีกว่า บริษัทตระหนักดีในเรื่องของการเป็นบริษัทที่มีหลักธรรมาภิบาล ดังนั้น การดำเนินการทุกอย่างจึงต้องปฎิบัติโดยยึดหลักกฎหมายและความชอบธรรม แต่อย่างไรก็ดี บริษัทจำเป็นต้องรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันไปพร้อมกันด้วย
นายสืบตระกูล บินเทพ ผู้จัดการทั่วไป SPPT กล่าวว่า จากกรณีที่มีข่าวการปลดพนักงานของบริษัท นั้น ขอย้ำว่า เป็นการปลดเฉพาะพนักงานจ้างช่วง (Subcontract) จำนวน 200 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมดในปัจจุบัน 1,100 คน โดยบริษัทได้มีการเงินชดเชยให้กับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างในอัตรา 1.5 ของเดือน หรือเป็นเงินค่าจ้างในการทำงานประมาณ 45 วัน แต่ทางกลุ่มผู้ที่ถูกเลิกจ้างเรียกร้องเงินชดเชยเพิ่มอีกจำนวน 3 เดือน เป็น 4.5 เดือน จึงทำให้การเจรจาครั้งล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
ทั้งนี้ พนักงานของบริษัทจำนวน 1,100 คน จะแบ่งออกเป็น 4 โรงงาน คือ โรงงานประกอบชิ้นส่วน 1 โรงงาน มีพนักงานประจำ 200 คน และพนักงานซับคอนแทรก 200 คน ส่วนอีก 3โรงงานที่เหลือจะเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วน ซึ่งมีพนักงานจำนวน 700 คน
