ตลท.ขึ้น “NP” TPIPL และ BUI ให้แจงข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหาร “ชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์” ชี้ สำนักงาน ก.ล.ต.ถอนชื่อออกจากระบบรายชื่อ เหตุขาดคุณสมบัติเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวพันกับการปล่อยเงินกู้ 13,000 ล้านบาท ให้กับบริษัทในกลุ่มของตนเอง จนเกิดความเสียหายแก่บริษัทแม่ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 307 311 และ 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ถอนชื่อ “ชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์” ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัท ทีพีไอ โพลีน (มหาชน) (TPIPL) และบริษัท บางกอกสหประกันภัย จำกัด (มหาชน) (BUI) ออกจากระบบรายชื่อผู้บริหารแล้ว เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้บริหารตามประกาศ กจ.5/2548 ซึ่งมีผลให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน
ในการนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้ติดต่อและประสานงานให้ TPIPL และ BUI ชี้แจงการดำเนินการของบริษัทต่อกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ถอนชื่อ นายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ซึ่งเป็นกรรมการใน TPIPL และ BUI เป็นการเพิ่มเติม แต่บริษัทยังไม่สามารถชี้แจงข้อมูลได้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) หลักทรัพย์ของ TPIPL และ BUI ตั้งแต่การซื้อขายรอบบ่าย ของวันที่ 6 มกราคม 2552 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะได้ชี้แจง หรือเปิดเผยสารสนเทศสำคัญให้ผู้ลงทุนทราบโดยทั่วกัน
สำหรับเหตุที่สำนักงาน ก.ล.ต.ถอนชื่อ นายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ออกจากระบบข้อมูลรายชื่อผู้บริหารเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีความเห็นสั่งฟ้อง นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตกรรมการบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) กับพวก ได้แก่ นายประทีป เลี่ยวไพรัตน์ นายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ นายประหยัด เลี่ยวไพรัตน์ และ นายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ กรณีถ่ายเทเงินด้วยการปล่อยกู้ให้กับบริษัทในกลุ่มของตนเอง ทำให้เกิดความเสียหายแก่นิติบุคคลมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 13,000 ล้านบาท อันเป็นความผิดตามมาตรา 307 311 และ 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2551
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ถอนรายชื่อบุคคลดังต่อไปนี้จากระบบรายชื่อผู้บริหาร เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2549 เนื่องจากบุคคลดังกล่าวมีลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้บริหารตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กจ.5/2548 เรื่องข้อกำหนดเกี่ยวกับผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ (ประกาศกจ.5/2548)
โดย TPIPL และ BUI ได้ชี้แจงต่อ ตลท.ว่า การที่หน่วยงานทางการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารของบริษัท อันเป็นเหตุให้สำนักงาน ก.ล.ต.ถอนรายชื่อจากระบบรายชื่อผู้บริหารนั้น ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาลซึ่งยังไม่มีข้อสรุป (รายละเอียดปรากฏตามข่าวในระบบ SETSMART วันที่ 26 ตุลาคม 2549) ซึ่งปัจจุบันบุคคลดังกล่าวยังดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน TPIPL และ BUI
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้รับแจ้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ถอนชื่อ “ชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์” ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัท ทีพีไอ โพลีน (มหาชน) (TPIPL) และบริษัท บางกอกสหประกันภัย จำกัด (มหาชน) (BUI) ออกจากระบบรายชื่อผู้บริหารแล้ว เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้บริหารตามประกาศ กจ.5/2548 ซึ่งมีผลให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน
ในการนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้ติดต่อและประสานงานให้ TPIPL และ BUI ชี้แจงการดำเนินการของบริษัทต่อกรณีที่สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ถอนชื่อ นายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ซึ่งเป็นกรรมการใน TPIPL และ BUI เป็นการเพิ่มเติม แต่บริษัทยังไม่สามารถชี้แจงข้อมูลได้ ตลาดหลักทรัพย์ฯจึงขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) หลักทรัพย์ของ TPIPL และ BUI ตั้งแต่การซื้อขายรอบบ่าย ของวันที่ 6 มกราคม 2552 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะได้ชี้แจง หรือเปิดเผยสารสนเทศสำคัญให้ผู้ลงทุนทราบโดยทั่วกัน
สำหรับเหตุที่สำนักงาน ก.ล.ต.ถอนชื่อ นายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ออกจากระบบข้อมูลรายชื่อผู้บริหารเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีความเห็นสั่งฟ้อง นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตกรรมการบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) กับพวก ได้แก่ นายประทีป เลี่ยวไพรัตน์ นายประมวล เลี่ยวไพรัตน์ นายประหยัด เลี่ยวไพรัตน์ และ นายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ กรณีถ่ายเทเงินด้วยการปล่อยกู้ให้กับบริษัทในกลุ่มของตนเอง ทำให้เกิดความเสียหายแก่นิติบุคคลมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 13,000 ล้านบาท อันเป็นความผิดตามมาตรา 307 311 และ 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และส่งสำนวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2551
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ถอนรายชื่อบุคคลดังต่อไปนี้จากระบบรายชื่อผู้บริหาร เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2549 เนื่องจากบุคคลดังกล่าวมีลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้บริหารตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กจ.5/2548 เรื่องข้อกำหนดเกี่ยวกับผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ (ประกาศกจ.5/2548)
โดย TPIPL และ BUI ได้ชี้แจงต่อ ตลท.ว่า การที่หน่วยงานทางการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารของบริษัท อันเป็นเหตุให้สำนักงาน ก.ล.ต.ถอนรายชื่อจากระบบรายชื่อผู้บริหารนั้น ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาลซึ่งยังไม่มีข้อสรุป (รายละเอียดปรากฏตามข่าวในระบบ SETSMART วันที่ 26 ตุลาคม 2549) ซึ่งปัจจุบันบุคคลดังกล่าวยังดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน TPIPL และ BUI
