“มาร์ค” รุดหารือผู้ว่าฯ ธปท. จันทร์ที่ 5 ม.ค.นี้ ตรวจสอบฐานะประเทศ ก่อนประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ มั่นใจคลอดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันเดือนนี้ ก่อนใช้เวทีอาเซียนซัมมิท เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 5 มกราคม 2552 ตนเองจะเดินทางไปหารือกับนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อตรวจสอบฐานะการเงินการคลังของประเทศว่าจะอำนวยต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับใด ก่อนที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจนัดแรกในวันพุธที่ 7 มกราคม 2552 นี้
นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า รัฐบาลต้องการเร่งทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เสร็จภายในเดือนนี้ โดยแผนดังกล่าว ได้ครอบคลุมปัญหาเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน ทั้งราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ แรงงานที่ถูกเลิกจ้าง รวมทั้งการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม และการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
นอกจากนั้น ในวันที่ 8-9 มกราคม 2552 รัฐบาลจะจัดทำกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 เพื่อเตรียมความพร้อม และเป็นการยืนยันว่าจะมีการประชุมเกิดขึ้นในเดือนหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติ
นายสรรเสริญ สมะลาภา ทีมงานเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่จะเสนอที่ประชุม ครม.ในวันพุธนี้ จะครอบคลุมมาตรการทางการคลัง คือการตั้งงบประมาณกลางปี 2552 มากกว่า 1 แสนล้านบาท การปรับปรุง 6 มาตรการ 6 เดือน ที่ให้ผู้มีรายได้น้อยใช้น้ำประปา ไฟฟ้า และรถโดยสารประจำทางฟรี ยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาในตลาดโลกที่ลดต่ำลงมาก
นอกจากนั้น จะมีการตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง โดยเพิ่มวงเงินจากโครงการพัฒนาศักยภาพและชุมชน หรือเอสเอ็มแอลเดิมเป็น 2 เท่า การเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนดอกเบี้ยบ้านได้เกิน 2 แสนบาท ต่อปี โครงการเรียนฟรีจริง คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณอุดหนุนเทอมละ 1.75 หมื่นล้านบาท โครงการเพิ่มเบี้ยยังชีพคนชราจำนวน 6 ล้านคน เดือนละ 500 บาท คิดเป็นเม็ดเงินรวม 1.8 หมื่นล้านบาท
โครงการเพิ่มรายได้อาสาสมัครสาธารณสุขอีก 600 บาทต่อเดือน คาดว่าต้องใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท ขณะที่นโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ธุรกิจเอสเอ็มอี 30% เหลือ 25% ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยอาจเพิ่มการหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับแรงงานได้ 2 เท่า