xs
xsm
sm
md
lg

ผวาปี 52 ตกงาน 1 ล้านกระทบกำลังซื้อวูบ จบใหม่ 6.7 แสนเตะฝุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักเศรษฐศาสตร์ เตือนรับมือปัญหาว่างงานปี 52 ใกล้ชิด คาดเกิน 1 ล้านคน ส่งผลต่อคนในครอบครัวอีก 4 ล้านคน เพราะขณะนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเหมือนช่วงที่ผ่านมา การเสนอข่าวการว่างงาน กลับทำให้บริษัทหรือโรงงานบางแห่ง เอาเปรียบแรงงานมากขึ้น แม้จะมีผลดำเนินการได้กำไร กลับฉวยโอกาสปรับลดโบนัส ลดค่าแรง และตัดสวัสดิการ

วันนี้ (01 มกราคม 2552) นายแล ดิลกวิทยารัตน์ ศาสตราภิชาน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ปัญหาการว่างงานในปี 2552 คาดว่าจะมีจำนวนผู้ว่างงานกว่าล้านคน แม้จะไม่รุนแรงเท่ากับวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 แต่รัฐบาลต้องหาทางรับมือในเชิงรุก เพระการตกงาน 1 ล้านคนจะเกี่ยวข้องกับคนในครอบครัวอีก 4 ล้านคน

ดังนั้น รัฐบาลต้องเข้าไปหาข้อมูลอย่างใกล้ชิดทั้งโรงงาน บริษัทต่าง ๆ ที่เริ่มมีปัญหา เพื่อหาทางรับมือได้อย่างถูกต้อง และการเข้าไปเจรจาต่อรองกับสถานประกอบการเพื่อลดค่าใช้จ่ายบางส่วนแทนการปรับลดคนงานหรือเลิกจ้างให้เป็นทางเลือกสุดท้าย หากธุรกิจต้องล้มจริงๆ

"หน่วยงานภาครัฐต้องบุกเข้าไปถึงโรงงาน สำรวจข้อมูลให้ถูกต้องพร้อมกับแนะนำให้กับแรงงานว่ามีโรงงาน บริษัทแห่งใดยังต้องการับแรงงาน และให้หน่วยงานภาครัฐเป็นผู้รับสมัครแรงงานให้กับเอกชนไปก่อน จึงค่อยส่งต่อให้บริษัท เพราะกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นผู้ใช้แรงงานหากจะติดต่อกับหน่วยงานราชการก็จะทำได้ค่อนข้างลำบาก"

ภาครัฐต้องเข้าไปดูว่ามีการจ่ายชดเชยการเลิกจ้างให้กับลูกจ้างครบถ้วนหรือไม่ และควรพิจารณาว่าสมควรหรือไม่ที่จะมีการจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้มากกว่า 6 เดือน เพื่อจะได้ออกไปหางานใหม่ทำได้ เนื่องจากขณะนี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเหมือนช่วงที่ผ่านมา ที่สำคัญการเสนอข่าวการว่างงานขณะนี้ กลับทำให้บริษัทหรือโรงงานบางแห่งเอาเปรียบแรงงาน แม้บริษัทยังมีผลดำเนินการได้กำไร จึงถือโอกาสปรับลดโบนัส ลดค่าแรง หรือตัดสวัสดิการพนักงาน จึงต้องดูแลเรื่องดังกล่าวให้เกิดความเป็นธรรมด้วย

สำหรับภาวะการว่างงานของไทยในเดือนตุลาคม 2551 สำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจพบว่ามีคนว่างงานเฉลี่ยในช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ 510,000 คน ใกล้เคียงกับ 528,000 คนในปี 2550 สาเหตุที่ภาพรวมในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2551 คนว่างงานมีจำนวนลดลง เนื่องมาจากจำนวนของคนว่างงานในกลุ่มผู้ไม่เคยทำงานมาก่อนลดลง ได้แก่ นักเรียน นักศึกษาจบใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน และกลุ่มผู้ที่เคยทำงานในภาคเกษตร ขณะที่สถานการณ์การว่างงานในกลุ่มผู้ที่เคยทำงานมาก่อนยังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าปัญหาว่างงานที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น อาจนำมาซึ่งปัญหาการบริโภคที่ชะลอตัว และปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการตกงานทำให้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้น้อยลงจากการว่างงานแฝง ในเบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประมาณการผลกระทบกรณีมีการว่างงาน 1 ล้านคน ในไตรมาสแรกปีหน้า เนื่องจากมีบัณฑิตจบใหม่เฉลี่ยทั้งปี 675,000 คน จะทำให้การบริโภคของกลุ่มแรงงานดังกล่าวน่าจะลดลงอย่างน้อยประมาณ 13,000 ล้านบาท หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 0.6 ของการบริโภคภาคเอกชนในปี 2552 ขณะที่ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวรุนแรงกว่าที่คาด ย่อมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานของไทย

รัฐบาลควรออกมาตรการเร่งด่วนในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และทำพร้อมกันหลายแนวทางโดยการจัดสรรงบประมาณเข้าช่วยเหลือ เพื่อรักษาระดับการจ้างงานไว้ และต้องมีแนวทางจูงใจให้มีการเลิกจ้างน้อยที่สุด การดูแลสภาพคล่องให้พอพยุงกิจการเอาไว้ได้ ไม่ให้ถึงขั้นต้องเลิกการผลิต เช่น การลดภาระด้านภาษี ซึ่งแม้ว่าจะมีผลดีต่อธุรกิจ แต่ก็อาจยังคงไม่เพียงพอสำหรับธุรกิจที่ประสบภาวะหดตัวของคำสั่งซื้อจนขาดทุน ต่างจากการที่รัฐบาลลดอัตราดอกเบี้ยและการเพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับค่าใช้จ่ายบางรายการ รวมทั้งภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ซึ่งจะเกิดแรงจูงใจได้มากกว่า แม้อาจกระทบรายได้รัฐบาลบ้าง

ทั้งนี้ เพราะหากมีการเลิกจ้างเกิดขึ้นแล้ว มาตรการรับมือคือการโอนย้ายแรงงานจากสถานประกอบการที่ถูกเลิกจ้างไปยังสถานประกอบการบางแห่งที่ขาดแคลนแรงงานในอุตสาหกรรมที่เน้นใช้แรงงาน (Labor-intensive) รวมทั้งการสร้างงานในชุมชนท้องถิ่นเพื่อรองรับแรงงานที่ถูกเลิกจ้างจากภาคอุตสาหกรรมการผลิตและบริการ เพื่อให้มีงานทำและมีรายได้เลี้ยงชีพ ตลอดจนมีการจัดสรรเงินทุนให้แก่แรงงานที่ตกงาน ถูกเลิกจ้าง เพื่อให้สามารถนำไปประกอบอาชีพอื่นได้ และมีการ Re-Training จัดฝึกอบรม เพิ่มทักษะและพัฒนาฝีมือแรงงานให้กับผู้ตกงาน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา Human Capital ถดถอย เพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถแข่งขันได้ เมื่อต้องกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น