วายุภักษ์หนึ่งรับเละปันผลหุ้นปตท. ดันกำไรQ1 พุ่ง 4 พันล้าน ฟันด์เมเนเจอร์ชี้เป็นเพียงผลการดำเนินงานระยะสั้นที่ค่อนข้างผันผวน ส่วนระยะยาวจะคงที่ โดยมีการเติบโตประมาณ 6-7% ทุกปี ส่วนการลงทุนปีนี้เน้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเป็นหลัก หลังมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยยังโตได้อีก
นางแสงจันทร์ ลี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งมีผลกำไรสูงถึงกว่า 4 พันล้านบาทนั้น ส่วนหนึ่งมาจากเงินปันผลของ ปตท. ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าในพอร์ตการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์จะมีการลงทุนในหุ้นพลังงานเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่กองทุนมีกำไรถีบตัวสูงขึ้นกว่าปกตินั้น จะเป็นแค่ในช่วงระยะสั้นหากดูเป็นรายไตรมาส แต่ในความเป็นจริงผลการดำเนินงานของกองทุนจะไม่ผันผวนขนาดนี้ หากวัดเป็นระยะในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี เนื่องจากที่ผ่านมาการเติบโตของกำไรจะคงที่อยู่ในช่วง 6-7% มาตลอด
“ผลการดำเนินงานของกองทุนวายุภักษ์น่าจะดูในระยะ 6 เดือนถึง 1 ปีมากกว่า ถ้าดูตอนนี้มันจะผันผวน ซึ่งที่ผ่านมาเราจ่ายปันผล ก็จะดูในตามระยะที่ว่า แล้วมันจะไม่ผันผวนคือโกรสจะคงที่มาตลอดอยู่ประมาณ 6-7%”นางแสงจันทร์กล่าว
นางแสงจันทร์ กล่าวอีกว่า การที่ราคาหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ที่อยู่ในตลาดมีราคาต่ำกว่าเอ็นเอวี เนื่องจากนักลงทุนยังไม่นิยมลงทุนเท่าไร แต่ในความเป็นจริงแล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับ เอ็นเอวี ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นมากกว่า 10 บาทต่อหน่วย
“ความจริงเอ็นเอวีเราสูงกว่า 10 บาทแล้ว แต่ราคาที่ซื้อขายในตลาดหุ้นที่ 9 บาทกว่า นั้นก็เป็นอีกราคาหนึ่งจะขึ้นอยู่กับนักลงทุน แต่หากไม่ดูในราคาแล้วเรามีการจ่ายปันผลไปเยอะ อีกทั้งยังมีการการันตีผลตอบแทนที่ 3% ต่อปีอีกด้วย”นางแสงจันทร์กล่าว
ทั้งนี้ การลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ได้มีการปรับพอร์ตไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งแนวทางในการลงทุนจะมีการกำหนดในการประชุมคณะกรรมการลงทุนทุกๆ เดือน แต่จะไม่ปรับอะไรมาก หรือถี่ไปนัก ซึ่งทางคณะกรรมการจะมีแนวทางการลงทุนให้เหมาะตามสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้นมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น หากคณะกรรมการมองแนวโน้มเศรษฐกิจจะไปได้ดี และมีการบริโภคเพิ่มขึ้น ก็จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นประเภทนี้มากขึ้น ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการปรับสัดส่วนในหุ้นนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งเช่นกัน
“คณะกรรมการจะประชุมกันทุกเดือนแต่การปรับพอร์ตคงไม่ถี่นัก เราจะมองว่าราคาหุ้นมันสูงเกินไปตามเกณฑ์ของเราหรือไม่ ก็อาจมีการขายทำกำไรบ้าง อย่างในช่วงต้นปีเราก็เพียงปรับไป โดยมองว่าการบริโภคน่าจะมา เศรษฐกิจเราคงจะโตได้อีก ก็จะหันไปลงทุนตัวนี้ด้วยส่วนหนึ่ง”นางแสงจันทร์กล่าว
อนี่งผลการดำเนินการของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่ง ประเภท ก. (VAYU1) จากรายงานข่าวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2551 กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 4,946.73 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.4947 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2,317.04 ล้านบาท หรือ 88.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 2,629.69 ล้านบาท
โดยล่าสุดมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน VAYU1 ประจำวันที่ 9 พฤษภาคม 2551 มีมูลค่ารวม 148,855,530,416.50 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหน่วยลงทุนของนักลงทุนทั่วไป (ประเภท ก.) อยู่ที่ 10.7989 บาทต่อหน่วย และมูลค่าหน่วยลงทุนของกระทรวงการคลัง (ประเภท ข.) อยู่ที่ 24.4209 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดตั้งกองทุนมาตั้งแต่ปี 2547 กองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยปีละ 6% แต่ผลดำเนินการปี 2550 กองทุนฯสามารถให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ตรงข้ามกับราคาหน่วยลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งปรับตัวลดลง โดยวานนี้ ( 16พ.ค.51) ราคาหุ้น VAYU1 ปิดตลาดอยู่ที่ 9.99 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.01 บาท จากราคา 9.98 บาทในวันก่อนหน้า
นางแสงจันทร์ ลี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งมีผลกำไรสูงถึงกว่า 4 พันล้านบาทนั้น ส่วนหนึ่งมาจากเงินปันผลของ ปตท. ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าในพอร์ตการลงทุนของกองทุนวายุภักษ์จะมีการลงทุนในหุ้นพลังงานเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่กองทุนมีกำไรถีบตัวสูงขึ้นกว่าปกตินั้น จะเป็นแค่ในช่วงระยะสั้นหากดูเป็นรายไตรมาส แต่ในความเป็นจริงผลการดำเนินงานของกองทุนจะไม่ผันผวนขนาดนี้ หากวัดเป็นระยะในช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี เนื่องจากที่ผ่านมาการเติบโตของกำไรจะคงที่อยู่ในช่วง 6-7% มาตลอด
“ผลการดำเนินงานของกองทุนวายุภักษ์น่าจะดูในระยะ 6 เดือนถึง 1 ปีมากกว่า ถ้าดูตอนนี้มันจะผันผวน ซึ่งที่ผ่านมาเราจ่ายปันผล ก็จะดูในตามระยะที่ว่า แล้วมันจะไม่ผันผวนคือโกรสจะคงที่มาตลอดอยู่ประมาณ 6-7%”นางแสงจันทร์กล่าว
นางแสงจันทร์ กล่าวอีกว่า การที่ราคาหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ที่อยู่ในตลาดมีราคาต่ำกว่าเอ็นเอวี เนื่องจากนักลงทุนยังไม่นิยมลงทุนเท่าไร แต่ในความเป็นจริงแล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับ เอ็นเอวี ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นมากกว่า 10 บาทต่อหน่วย
“ความจริงเอ็นเอวีเราสูงกว่า 10 บาทแล้ว แต่ราคาที่ซื้อขายในตลาดหุ้นที่ 9 บาทกว่า นั้นก็เป็นอีกราคาหนึ่งจะขึ้นอยู่กับนักลงทุน แต่หากไม่ดูในราคาแล้วเรามีการจ่ายปันผลไปเยอะ อีกทั้งยังมีการการันตีผลตอบแทนที่ 3% ต่อปีอีกด้วย”นางแสงจันทร์กล่าว
ทั้งนี้ การลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ได้มีการปรับพอร์ตไปแล้วเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งแนวทางในการลงทุนจะมีการกำหนดในการประชุมคณะกรรมการลงทุนทุกๆ เดือน แต่จะไม่ปรับอะไรมาก หรือถี่ไปนัก ซึ่งทางคณะกรรมการจะมีแนวทางการลงทุนให้เหมาะตามสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้นมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น หากคณะกรรมการมองแนวโน้มเศรษฐกิจจะไปได้ดี และมีการบริโภคเพิ่มขึ้น ก็จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นประเภทนี้มากขึ้น ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้มีการปรับสัดส่วนในหุ้นนี้ไปแล้วครั้งหนึ่งเช่นกัน
“คณะกรรมการจะประชุมกันทุกเดือนแต่การปรับพอร์ตคงไม่ถี่นัก เราจะมองว่าราคาหุ้นมันสูงเกินไปตามเกณฑ์ของเราหรือไม่ ก็อาจมีการขายทำกำไรบ้าง อย่างในช่วงต้นปีเราก็เพียงปรับไป โดยมองว่าการบริโภคน่าจะมา เศรษฐกิจเราคงจะโตได้อีก ก็จะหันไปลงทุนตัวนี้ด้วยส่วนหนึ่ง”นางแสงจันทร์กล่าว
อนี่งผลการดำเนินการของกองทุนรวมวายุภักษ์ หนี่ง ประเภท ก. (VAYU1) จากรายงานข่าวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2551 กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 4,946.73 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไรสุทธิ 0.4947 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2,317.04 ล้านบาท หรือ 88.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กองทุนมีผลกำไรสุทธิ 2,629.69 ล้านบาท
โดยล่าสุดมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุน VAYU1 ประจำวันที่ 9 พฤษภาคม 2551 มีมูลค่ารวม 148,855,530,416.50 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าหน่วยลงทุนของนักลงทุนทั่วไป (ประเภท ก.) อยู่ที่ 10.7989 บาทต่อหน่วย และมูลค่าหน่วยลงทุนของกระทรวงการคลัง (ประเภท ข.) อยู่ที่ 24.4209 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้นับตั้งแต่เริ่มมีการจัดตั้งกองทุนมาตั้งแต่ปี 2547 กองทุนสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ยปีละ 6% แต่ผลดำเนินการปี 2550 กองทุนฯสามารถให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 7% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ตรงข้ามกับราคาหน่วยลงทุนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งปรับตัวลดลง โดยวานนี้ ( 16พ.ค.51) ราคาหุ้น VAYU1 ปิดตลาดอยู่ที่ 9.99 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.01 บาท จากราคา 9.98 บาทในวันก่อนหน้า