ASTVผู้จัดการรายวัน - จับตาประชุม 14 องค์กรช่วยเหลือลูกจ้างตกงานวันนี้ ด้านกรมการจัดหางานนัดพบแรงงานและแนะแนวอาชีพ 16 ธ.ค.มีบริษัทเข้าร่วม 45 บริษัท ตำแหน่งงานว่าง 4,500 อัตรา ส่วน สกอ.เผย มี.ค.นี้บัณฑิตจบใหม่ 3.5 แสนคน ดิ้นหาช่องฝึกอบรมอาชีพพร้อมหนุนให้กลับภูมิลำเนา
จากกรณีที่กระทรวงแรงงานเปิดเผยข้อมูลวิกฤตแรงงานพบว่า ล่าสุดสถานประกอบการหยุดกิจการแล้วมากกว่า 500 แห่ง ลูกจ้างถูกเลิกจ้างเกือบ 5 หมื่นคน แนวโน้มเลิกกิจการช่วงปีใหม่อีก 200 กว่าแห่ง ลูกจ้างไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นคนนั้น วันนี้ (15 ธ.ค.) กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 14 องค์การ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสถิติแห่งชาติ กรมการค้าภายใน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ เป็นต้น จะมีการประชุมร่วมกันเพื่อหาทางรับมือพร้อมช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง
นายพิชัย เอกพิทักษ์ดำรง อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า จากการที่สถานประกอบการต่างๆ ปิดกิจการ ทำให้แรงงานจำนวนมากถูกเลิกจ้างและทยอยกลับภูมิลำเนา ส่งผลกระทบต่อปัญหาการว่างงานในท้องถิ่นตามมา นอกจากการประชุมแก้ไขปัญหาแล้ว กรมการจัดหางานได้เตรียมจัดงานวันนัดพบแรงงานย่อย และงานวันแนะแนวอาชีพในชุมนุม ขึ้นในวันอังคารที่ 16 ธ.ค.นี้ โดยมีนายจ้างเข้าร่วมรับสมัครงาน ทั้งสิ้น 45 บริษัท ตำแหน่งงานว่างกว่า 4,500 อัตรา และการสาธิตการประกอบอาชีพอิสระใน 4 อาชีพ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการประกอบอาชีพ และช่วยเหลือผู้ที่ตกงาน ตลอดจนแก้ปัญหาการว่างงานในท้องถิ่นด้วย
อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนที่สนใจสามารถเตรียมหลักฐานมาสมัครงานได้ที่ ลานอเนกประสงค์ แมงป่องบุ๊ค สาขาลาดพร้าว 90 หรือที่สายด่วน 1694
***สกอ.หางานให้บัณฑิตจบใหม่
นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กล่าวว่า ในเดือนมีนาคม ปี 2552 จะมีบัณฑิตจบใหม่กว่า 350,000 คน โดยเฉพาะสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ที่อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะการว่างงาน สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหา ทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้มีการออกมาตรการเพื่อแก้ป้ญหาเป็นการเร่งด่วน โดยได้ติดตามสถานการณ์ภาวะการว่างงานควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาให้ตรงกับตำแหน่งงาน การจัดหางานภายในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ และฝึกอบรมทักษะ เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่บัณฑิตจบใหม่ รวมถึงการส่งเสริมบัณฑิตให้กลับไปทำงานที่ภูมิลำเนา
ส่วนการแก้ไขปัญหาภาวะการว่างงานของบัณฑิตจบใหม่ นายสุเมธกล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการทบทวนหลักสูตรและปรับการเรียนการสอนของนักศึกษาใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการจ้างงานในอนาคตด้วย
***ธ.ก.ส.คลอดสินเชื่อช่วยคนตกงาน
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับสำนักงานกองทุนประกันสังคม (สปส.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับความร่วมมือในโครงการให้ความช่วยเหลือคนตกงาน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวนั้น สปส.จะนำเงินส่วนหนึ่งจากวงเงิน 10,000 ล้านบาท มาฝากไว้กับ ธ.ก.ส. จากนั้นก็ให้ ธ.ก.ส.นำไปปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับสมาชิกของประกันสังคมที่ตกงานและกลับไปประกอบอาชีพส่วนตัว
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ช่วยปล่อยสินเชื่อให้กับบุตรของลูกค้าที่ทำงานในเมืองแล้วตกงานและกลับมาทำงานที่บ้าน คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยให้สินเชื่อประมาณ 50,000 บาทต่อราย สำหรับอัตราดอกเบี้ยจะคิดในอัตราที่ต่ำกว่าตลาดคือ 5% ต่อปี โครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นได้ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป โดยใช้ชื่อโครงการว่า “กู้วิกฤติแรงงานคืนถิ่น” ผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะเข้ากู้ในโครงการได้ คือ ต้องเป็นสมาชิกประกันสังคมที่ตกงานและยอมกลับมาทำงานด้านการเกษตรหรืออาชีพส่วนตัวอื่น เช่น ช่างซ่อมต่างๆ หรือเปิดร้านอาหาร เป็นต้น
สำหรับบัณฑิตที่กำลังจะตกงาน ทาง ธ.ก.ส.ก็มีแผนจะช่วยเหลือด้วยการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มคนดังกล่าว โดยจะใช้ชื่อโครงการว่า “บัณฑิตคืนถิ่น” ซึ่งก็จะให้สินเชื่อในแนวทางที่ใกล้เคียงกับโครงการกู้วิกฤติแรงงานคืนถิ่น ทั้งเรื่องของวงเงินและการเข้าโครงการฝึกอบรม แต่อัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่าโดยคิดในอัตรา 7% ต่อปี เพราะ ธ.ก.ส.จะใช้เงินทุนของตัวเอง.
จากกรณีที่กระทรวงแรงงานเปิดเผยข้อมูลวิกฤตแรงงานพบว่า ล่าสุดสถานประกอบการหยุดกิจการแล้วมากกว่า 500 แห่ง ลูกจ้างถูกเลิกจ้างเกือบ 5 หมื่นคน แนวโน้มเลิกกิจการช่วงปีใหม่อีก 200 กว่าแห่ง ลูกจ้างไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นคนนั้น วันนี้ (15 ธ.ค.) กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น 14 องค์การ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสถิติแห่งชาติ กรมการค้าภายใน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ เป็นต้น จะมีการประชุมร่วมกันเพื่อหาทางรับมือพร้อมช่วยเหลือลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง
นายพิชัย เอกพิทักษ์ดำรง อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า จากการที่สถานประกอบการต่างๆ ปิดกิจการ ทำให้แรงงานจำนวนมากถูกเลิกจ้างและทยอยกลับภูมิลำเนา ส่งผลกระทบต่อปัญหาการว่างงานในท้องถิ่นตามมา นอกจากการประชุมแก้ไขปัญหาแล้ว กรมการจัดหางานได้เตรียมจัดงานวันนัดพบแรงงานย่อย และงานวันแนะแนวอาชีพในชุมนุม ขึ้นในวันอังคารที่ 16 ธ.ค.นี้ โดยมีนายจ้างเข้าร่วมรับสมัครงาน ทั้งสิ้น 45 บริษัท ตำแหน่งงานว่างกว่า 4,500 อัตรา และการสาธิตการประกอบอาชีพอิสระใน 4 อาชีพ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการประกอบอาชีพ และช่วยเหลือผู้ที่ตกงาน ตลอดจนแก้ปัญหาการว่างงานในท้องถิ่นด้วย
อธิบดีกรมการจัดหางานกล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนที่สนใจสามารถเตรียมหลักฐานมาสมัครงานได้ที่ ลานอเนกประสงค์ แมงป่องบุ๊ค สาขาลาดพร้าว 90 หรือที่สายด่วน 1694
***สกอ.หางานให้บัณฑิตจบใหม่
นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กล่าวว่า ในเดือนมีนาคม ปี 2552 จะมีบัณฑิตจบใหม่กว่า 350,000 คน โดยเฉพาะสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ที่อาจจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะการว่างงาน สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหา ทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้มีการออกมาตรการเพื่อแก้ป้ญหาเป็นการเร่งด่วน โดยได้ติดตามสถานการณ์ภาวะการว่างงานควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาให้ตรงกับตำแหน่งงาน การจัดหางานภายในสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ และฝึกอบรมทักษะ เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่บัณฑิตจบใหม่ รวมถึงการส่งเสริมบัณฑิตให้กลับไปทำงานที่ภูมิลำเนา
ส่วนการแก้ไขปัญหาภาวะการว่างงานของบัณฑิตจบใหม่ นายสุเมธกล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการทบทวนหลักสูตรและปรับการเรียนการสอนของนักศึกษาใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการจ้างงานในอนาคตด้วย
***ธ.ก.ส.คลอดสินเชื่อช่วยคนตกงาน
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับสำนักงานกองทุนประกันสังคม (สปส.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับความร่วมมือในโครงการให้ความช่วยเหลือคนตกงาน ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวนั้น สปส.จะนำเงินส่วนหนึ่งจากวงเงิน 10,000 ล้านบาท มาฝากไว้กับ ธ.ก.ส. จากนั้นก็ให้ ธ.ก.ส.นำไปปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับสมาชิกของประกันสังคมที่ตกงานและกลับไปประกอบอาชีพส่วนตัว
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.ช่วยปล่อยสินเชื่อให้กับบุตรของลูกค้าที่ทำงานในเมืองแล้วตกงานและกลับมาทำงานที่บ้าน คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 5,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยให้สินเชื่อประมาณ 50,000 บาทต่อราย สำหรับอัตราดอกเบี้ยจะคิดในอัตราที่ต่ำกว่าตลาดคือ 5% ต่อปี โครงการดังกล่าวจะเริ่มต้นได้ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป โดยใช้ชื่อโครงการว่า “กู้วิกฤติแรงงานคืนถิ่น” ผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะเข้ากู้ในโครงการได้ คือ ต้องเป็นสมาชิกประกันสังคมที่ตกงานและยอมกลับมาทำงานด้านการเกษตรหรืออาชีพส่วนตัวอื่น เช่น ช่างซ่อมต่างๆ หรือเปิดร้านอาหาร เป็นต้น
สำหรับบัณฑิตที่กำลังจะตกงาน ทาง ธ.ก.ส.ก็มีแผนจะช่วยเหลือด้วยการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มคนดังกล่าว โดยจะใช้ชื่อโครงการว่า “บัณฑิตคืนถิ่น” ซึ่งก็จะให้สินเชื่อในแนวทางที่ใกล้เคียงกับโครงการกู้วิกฤติแรงงานคืนถิ่น ทั้งเรื่องของวงเงินและการเข้าโครงการฝึกอบรม แต่อัตราดอกเบี้ยอาจจะสูงกว่าโดยคิดในอัตรา 7% ต่อปี เพราะ ธ.ก.ส.จะใช้เงินทุนของตัวเอง.
