xs
xsm
sm
md
lg

จีนหวั่นบัณฑิตประท้วง สั่งเชือดกรณีฉาวสอบขรก.เซินเจิ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพการแข่งขันล่างานอย่างดุเดือดของบัณฑิตจบใหม่ในงานจ็อบแฟร์ที่เซินเจิ้น - เอเยนซี
เอเยนซี – ศาลแขวงเซินเจิ้น ไต่สวนคดีเจ้าหน้าที่ระดับกลางรับสินบน ช่วยโกงสอบข้ารัฐการท้องถิ่น เผยกรณีฉาวเซินเจิ้นกลายเป็นข่าวใหญ่ สั่นคลอนความเชื่อมั่นประชาชน หวั่นบัณฑิตจบใหม่ประท้วงหนัก หากรัฐไม่แก้ปัญหา

ช่วงปลายเดือนตุลาคม ศาลแขวงเซินเจิ้นได้เริ่มไต่สวนคดี เจ้าหน้าที่ระดับกลางประจำสำนักงานทรัพยากรบุคคล รับสิบบนนาน 7 ปี รวมมูลค่าเกือบ 1 ล้านหยวน แลกกับการช่วยโกงสอบคัดเลือกข้ารัฐการในหน่วยงานท้องถิ่นหลายแห่ง

คดีดังกล่าวได้รับความสนใจจากสังคมอย่างกว้างขวาง เนื่องด้วยปัจจัย 2 ประการคือ ที่ผ่านมาประชาชนจีนต่างเชื่อว่า การสอบคัดเลือกข้ารัฐการเป็นการสอบที่ศักดิ์สิทธิ์ ปราศจากการคอรัปชั่น และ ตำแหน่งงานที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้การช่วงชิง สอบเข้าเป็นข้ารัฐการได้รับความนิยมอย่างมาก

ในการปฏิรูประบบสอบข้ารัฐการพลเรือนเมื่อปี 1994 จีนได้นำระบบการสอบที่เป็นระบบเดียวกันมาใช้สำหรับการสอบทั่วประเทศ การปฏิรูปดังกล่าวเปรียบเสมือนการย้อนกลับ นำรูปแบบการสอบบัณฑิตเพื่อเข้ารับราชการสมัยยุคราชวงศ์ ตั้งแต่ราชวงศ์ถังการคัดเลือกข้าราชการจะมาจากการสอบบัณฑิตที่ศึกษาตามแนวทางลัทธิขงจื่อ (ขงจื๊อ) การสอบเข้ารับราชการในยุคราชวงศ์เป็นการเปิดโอกาสให้บัณฑิตสามารถแข่งขันกันอย่างเท่าเทียม ขณะเดียวกันก็ทำให้รัฐได้บุคลากรที่ดีที่สุด ดังนั้นการทุจริตสอบ หรือการะละเมิดกฎการสอบในยุคราชวงศ์มักถูกลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต

การนำระบบสอบคัดเลือกบุคลกากรเข้าทำงานในภาครัฐกลับมาใช้ จึงได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก เนื่องด้วยประชาชนเห็นว่า การสอบจะลดปัญหาเรื่องการเล่นเส้น ขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้แต่ละคนสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียม

ข่าวฉาวกรณีทุจริตสอบในเซินเจิ้น จึงสั่นคลอนความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างรุนแรง กระทั่งนำมาสู่การตั้งคำถามอย่างกราดเกรี้ยวบนเวบไซต์หลายแห่งอาทิ “รัฐต้องตรวจสอบว่ากรณีฉาวนี้เป็นกรณีเฉพาะ หรือที่จริงแล้วมีการโกงกันอย่างดาษดื่น และถ้ามีการโกงกันอย่างดาษดื่น ระบบสอบก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” และ “ทุกวันนี้บนแผ่นดินจีนยังมีคนมือสะอาดอยู่หรือ?” นอกจากนี้ นักท่องเน็ตบางรายยังเสนอแนะ ให้เชือดบรรดาผู้ที่ยอมจ่ายสินบนเพื่อโกงสอบ ราว 20 คน “พวกเขาต้องถูกไล่ออก เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้กับผู้ที่คิดจะโกงสอบ”

นักวิเคราะห์ระบุว่า กระแสอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เกี่ยวกับการโกงสอบนี้มีเหตุมาจากความคาดหวังของมวลชนจีนจำนวนมาก ที่ต่างหวังเข้าทำงานในภาครัฐ ดังนั้นการสอบที่ยุติธรรมและโปร่งใสจึงถูกคาดหวังเป็นพิเศษ

เมื่อต้นทศวรรษ 1980 เมื่อจีนเพิ่งเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจ มวลชนชาวจีนต่างปฏิเสธการเข้าทำงานในภาครัฐ เนื่องด้วยค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าเอกชน ข้ารัฐการจำนวนไม่น้อยก็เลือกที่จะลาออก เพื่อที่จะกระโดดมาหารายได้ที่เย้ายวนจากการทำงานภาคเอกชน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนจำนวนมากเริ่มตระหนักว่า “จะรวยได้ต้องเผชิญความเสี่ยงสูง” ดังนั้นงานที่ให้ค่าตอบแทนสม่ำเสมอ และมั่นคงจึงกลับมาได้รับความนิยม งานในภาครัฐจึงกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง การปรับขึ้นเงินเดือนข้ารัฐการในช่วงที่ผ่านมา กับสวัสดิการอื่นๆอาทิ เงินสนับสนุที่อยู่อาศัย ค่ารักษาพยาบาลฟรี และเงินบำนาญ ยิ่งทำให้งานภาครัฐได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในหมู่บัณฑิตจบใหม่

บัณฑิตจบใหม่กริ้วคดีโกงสอบ

การขยายการศึกษาระดับอุดมศึกษาอย่างเข้มข้น ทำให้ปัจจุบันตลาดแรงานจีนต้องรองรับบัณฑิตจบใหม่ราว 5 ล้านคนต่อปี อย่างไรก็ตามจำนวนบัณฑิตที่มีมากนี้นำมาสู่การแข่งขันล่างานอย่างดุเดือด ผลสำรวจของคณกรรมการกลางสันนิบาตเยาวชนพรรคคอมมิวนิสต์ระบุว่า “ในปี 2007 บัณฑิตจบใหม่ 70% ไม่สามารถหางานได้”

ทั้งนี้บรรดานักศึกษาต่างมีทัศนะต่องานภาครัฐว่า เป็นอาชีพอันดับแรกๆที่พวกเขาใฝ่ฝัน กระทั่งมีคำกล่าวในหมู่นักศึกษาว่า ตำแหน่งงานในระดับรัฐบาลกลางคือ “ชามข้าวทองคำ” ตำแหน่งระดับมณฑลคือ “ชามข้าวเงิน” ตำแหน่งระดับเทศบาลเมืองคือ “ชามข้าวทองแดง” และตำแหน่งระดับเทศบาลตำบลซึ่งเป็นระดับต่ำสุดคือ “ชามข้าวเหล็ก”

สถิติจากกระทรวงทรัพยากรบุคคลและประกันสังคมระบุว่า การสอบคัดเลือกเข้ารับตำแหน่งในระดับรัฐบาลกลางเมื่อวันที่ 24-25 ตุลาคม เพื่อชิงตำแหน่งว่างจำนวน 13,000 ตำแหน่ง มีผู้สมัครสอบถึง 1.04 ล้านคน เมื่อนำมาคิดค่าเฉลี่ยจะพบว่า ตำแหน่งงาน 1 ตำแหน่งจะมีผู้สอบแข่งขันถึง 80 คน มากกว่าสถิติปีที่แล้วที่ 1 ตำแหน่งมีผู้สอบแข่งขันเพียง 60 คน

ส่วนการสอบระดับท้องถิ่นก็เข้มข้นไม่แพ้กัน ในการเปิดสมัครสอบแข่งขันตำแหน่งเจ้าหน้าที่สำนักงานแผ่นดินไหว ของเทศบาลมหานครฉงชิ่ง 1 ตำแหน่ง มีผู้สมัครสอบแข่งขันถึง 2,317 คน ขณะที่การสอบเพื่อชิงตำแหน่งศุลกากรในเมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู 1 ตำแหน่งก็มีผู้สมัครสอบถึง 4,125 คน

บรรดาผู้สมัครสอบเหล่านี้ล้วนผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติขั้นต้น ซึ่งหมายความว่า ปราการด่านสุดท้ายที่พวกเขาต้องเผชิญ จึงเหลือแค่การสอบเพียงอย่างเดียว ดังนั้นความคาดหวังต่อระบบการจัดสอบที่โปร่งใส ยุติธรมจึงสูงเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นหากผู้เข้าสอบทราบว่า การสอบครั้งนั้นมีการทุจริตเกิดขึ้น และทำให้พวกเขาไม่ได้รับตำแหน่งดังหวัง อารมณ์โกรธเกรี้ยวที่พลุ่งพล่านจึงพร้อมระเบิดออกมาทุกเมื่อ

ทางการจีนจึงจำต้องจัดการกับคดีฉาวในเซินเจิ้น ซึ่งแม้จะเป็นคดีเล็กระดับทองถิ่น ทว่าก็สะกิดต่อมอารมณ์ความรู้สึกของบัณฑิตจบใหม่จำนวนมาก คดีทุจริตเซินเจิ้นจึงเปรียบเสมือนการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” เพื่อปรามการทุจริตรายอื่น ขณะเดียวกันก็เป็นการทุเลาอารมณ์ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านของบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งอาจจะระเบิด สร้างแรงสะเทือนต่อสถานะการนำของพรรคได้ทุกเมื่อ
กำลังโหลดความคิดเห็น