แบงก์ธนชาตแจงเหตุสินเชื่อเดือนพ.ย.เติบโต 0%เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เหตุมีสินเชื่อเก่าทยอยครบกำหนดมาก แต่ยอดสินเชื่อใหม่ยังมีอัตราการเติบโตอยู่ และยอดทั้งปียังเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ในระดับใกล้เคียง 20%
นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) เปิดเผยถึงอัตราการเติบโตสินเชื่อของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ TCAP ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่าน ซึ่งมีการเติบโตของสินเชื่อเป็น 0%เมื่อเทียบกับเดือนก่อนว่า หากจะดูทั้งปีที่ผ่านมาแล้วสินเชื่อโดยรวมของธนาคารยังเติบโตได้อยู่ แต่ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาที่สินเชื่อไม่ขยายตัวนั้น สาเหตุหลักเนื่องจากมีลูกค้าจำนวนหนึ่งทยอยชำระหนี้คืนครบกำหนด จึงทำให้ฐานสินเชื่อดูลดลง
"ในเดือนพฤศจิกายนนั้น แบงก์ก็ยังมีการขยายตัวของสินเชื่อใหม่อยู่ตามปกติ ขณะที่สินเชื่อเก่ามีการทยอยชำระคืนมา ทำให้สินเชื่อโดยรวมเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าไม่ขยายตัว"นายอนุวัติร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้สินเชื่อโดยรวมของธนาคารทั้งสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ก็เติบโตในระดับที่ใกล้เคียง 20% ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และในส่วนของสินทรัพย์ของธนาคารก็มีการเติบโต 20% เช่นกัน โดยเพิ่มจากสิ้นปี 2550 ที่มีสินทรัพย์อยู่ 2.9 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาทในปัจจุบัน จึงไม่สัญญาณน่าเป็นห่วง
ส่วนในปีหน้าขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขอัตราการเติบโตของสินเชื่ออย่างชัดเจน โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทำแผนการเติบโตของสินเชื่อ แต่คาดว่าสินเชื่อปีหน้าจะไม่เติบโตมากเท่ากับปีนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่คาดว่าจะชะลอลงจากปีนี้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้รายงานยอดสินเชื่อคงค้างของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งระบบ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2551 โดยธนาคารธนชาตมียอดคงค้างสินเชื่อรวม 258,940.26 ล้านบาท ลดลง 150.66 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 0.06 เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 41,744.92 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 38,532.28 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17.48 เมื่อเทียบกับปลายปี 2550
สำหรับยอดคงค้างสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยเดือนพฤศจิกายน 2551มีจำนวน 5,726,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 8,305 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มร้อยละ 0.15 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.74 โดยกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ 4 แห่ง สินเชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 3,799 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.10 นำโดยธนาคารกรุงไทย กสิกรไทย และไทยพาณิชย์ มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 10,251 5,379 และ 590 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนธนาคารกรุงเทพ มีสินเชื่อลดลงจำนวน12,421 ล้านบาท
ด้านกลุ่มธนาคารขนาดกลาง 4 แห่ง สินเชื่อรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 1,267 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มร้อยละ 0.09 นำโดยธนาคารนครหลวงไทย และทหารไทย มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 2,844 และ 1,021 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนชาต มีสินเชื่อลดลงจำนวน 2,448 และ 151 ล้านบาท ตามลำดับ
และกลุ่มธนาคารขนาดเล็ก 6 แห่ง สินเชื่อเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 3,240 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.60 ตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อธนาคารสินเอเซีย สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดไทย ทิสโก้ และเกียรตินาคิน จำนวนระหว่าง 800-1,800 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารยูโอบี และไทยธนาคาร มีสินเชื่อลดลงจำนวน 1,890 และ 539 ล้านบาท ตามลำดับ
นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัททุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) เปิดเผยถึงอัตราการเติบโตสินเชื่อของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ TCAP ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่าน ซึ่งมีการเติบโตของสินเชื่อเป็น 0%เมื่อเทียบกับเดือนก่อนว่า หากจะดูทั้งปีที่ผ่านมาแล้วสินเชื่อโดยรวมของธนาคารยังเติบโตได้อยู่ แต่ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาที่สินเชื่อไม่ขยายตัวนั้น สาเหตุหลักเนื่องจากมีลูกค้าจำนวนหนึ่งทยอยชำระหนี้คืนครบกำหนด จึงทำให้ฐานสินเชื่อดูลดลง
"ในเดือนพฤศจิกายนนั้น แบงก์ก็ยังมีการขยายตัวของสินเชื่อใหม่อยู่ตามปกติ ขณะที่สินเชื่อเก่ามีการทยอยชำระคืนมา ทำให้สินเชื่อโดยรวมเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าไม่ขยายตัว"นายอนุวัติร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้สินเชื่อโดยรวมของธนาคารทั้งสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่ก็เติบโตในระดับที่ใกล้เคียง 20% ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และในส่วนของสินทรัพย์ของธนาคารก็มีการเติบโต 20% เช่นกัน โดยเพิ่มจากสิ้นปี 2550 ที่มีสินทรัพย์อยู่ 2.9 แสนล้านบาท มาอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาทในปัจจุบัน จึงไม่สัญญาณน่าเป็นห่วง
ส่วนในปีหน้าขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขอัตราการเติบโตของสินเชื่ออย่างชัดเจน โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทำแผนการเติบโตของสินเชื่อ แต่คาดว่าสินเชื่อปีหน้าจะไม่เติบโตมากเท่ากับปีนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่คาดว่าจะชะลอลงจากปีนี้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้รายงานยอดสินเชื่อคงค้างของธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งระบบ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2551 โดยธนาคารธนชาตมียอดคงค้างสินเชื่อรวม 258,940.26 ล้านบาท ลดลง 150.66 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 0.06 เมื่อเทียบเดือนก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 41,744.92 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 19.22 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 38,532.28 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17.48 เมื่อเทียบกับปลายปี 2550
สำหรับยอดคงค้างสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยเดือนพฤศจิกายน 2551มีจำนวน 5,726,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 8,305 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มร้อยละ 0.15 และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.74 โดยกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ 4 แห่ง สินเชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จำนวน 3,799 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.10 นำโดยธนาคารกรุงไทย กสิกรไทย และไทยพาณิชย์ มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 10,251 5,379 และ 590 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนธนาคารกรุงเทพ มีสินเชื่อลดลงจำนวน12,421 ล้านบาท
ด้านกลุ่มธนาคารขนาดกลาง 4 แห่ง สินเชื่อรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 1,267 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มร้อยละ 0.09 นำโดยธนาคารนครหลวงไทย และทหารไทย มีสินเชื่อเพิ่มขึ้นจำนวน 2,844 และ 1,021 ล้านบาท ตามลำดับ ในขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนชาต มีสินเชื่อลดลงจำนวน 2,448 และ 151 ล้านบาท ตามลำดับ
และกลุ่มธนาคารขนาดเล็ก 6 แห่ง สินเชื่อเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 3,240 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.60 ตามการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อธนาคารสินเอเซีย สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดไทย ทิสโก้ และเกียรตินาคิน จำนวนระหว่าง 800-1,800 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารยูโอบี และไทยธนาคาร มีสินเชื่อลดลงจำนวน 1,890 และ 539 ล้านบาท ตามลำดับ
