ตลาดหุ้นไทยภาคเช้าปิดลบ 1.65% ตลามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก หลังมีข่าวสภาคองเกรส ล้มแผนการเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ขณะที่การเมืองในประเทศ คงต้องลุ้นกันในสัปดาห์หน้า แนะจับตา "แม้ว" โฟนอิน เสาร์-อาทิตย์ ป่วนการจัดตั้งรัฐบาล
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (12 ธันวาคม 2551) ดัชนีแกว่งตัวในกรอยแคบ และปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 417.59 จุด ลดลง 7.02 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.65% มูลค่าการซื้อขาย 7,325.06 ล้านบาท โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 426.07 จุด และต่ำสุดที่ 413.57 จุด
นักวิเคราะห์ ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ ได้รับผลกระทบจากข่าว แผนการเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซีย ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยด้วย ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ ต้องลุ้นกันในสัปดาห์หน้า
น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ปรับตัวลงจากปัจจัยต่างประเทศ หลังแผนช่วยเหลือค่ายรถยนต์ถูกปฏิเสธจากที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐเป็นปัจจัยลบ รวมทั้งบางส่วนมีการขายทำกำไร เพื่อรอเข้าลงทุนใหม่ สัปดาห์หน้า
แต่สำหรับปัจจัยในประเทศน้ำหนักไม่น่าจะมากเท่ากับในเรื่องของการเมือง เพราะแผนรถยนต์ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายสัปดาห์ต่อเนื่องถึงจันทร์-อังคาร ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐล้วนแล้วแต่ไม่ดีแต่ปรากฎว่าดัชนีดาวโจนส์พุ่งสวนวันละหลายเปอร์เซนต์ แป็นเพราะมีการเก็งกำไรว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกืจที่จะมีการอนุมัตินโยบายของค่ายรถยนต์ แต่พอออกมาไม่เป็นไปตามคาดก็ไม่เทขาย
นอกจากนี้ เรื่องจะเปืดสภาในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2551 และเลือกนายกรัฐมนตรีรนั้นเป็นที่รับทราบกันในตลาดระดับหนึ่ง พอได้ตัวนายกฯ แล้วก็จะมี sale on fact ก่อนหลังจากนั้นก็มาดูสภาพเศรษฐกิจอีกทีซึ่งไม่ดี
ประกอบกับ ในวันเสาร์-อาทิตยี์นี้ มีโฟนอินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งประเด็นนี้นักลงทุนก็เตรียมระวัง โดยที่มีการเก็งกำไรมาก่อนหน้านี้ก็ขาย รวมทั้งการเพิ่มทุนของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่การเพิ่มทุนจะล้มไม่ได้ ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ที่จะต้องใส่เงินเพิ่มทุนเข้ามาจะหาเงินที่ไหนมาลงทุนเป็นอีกประเด็นหนึ่ง วันนี้มีแต่ปัจจัยที่ไม่ดีต่อตลาด
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ (12 ธันวาคม 2551) ดัชนีแกว่งตัวในกรอยแคบ และปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 417.59 จุด ลดลง 7.02 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.65% มูลค่าการซื้อขาย 7,325.06 ล้านบาท โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 426.07 จุด และต่ำสุดที่ 413.57 จุด
นักวิเคราะห์ ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ ได้รับผลกระทบจากข่าว แผนการเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซีย ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง และส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยด้วย ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ ต้องลุ้นกันในสัปดาห์หน้า
น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ปรับตัวลงจากปัจจัยต่างประเทศ หลังแผนช่วยเหลือค่ายรถยนต์ถูกปฏิเสธจากที่ประชุมวุฒิสภาสหรัฐเป็นปัจจัยลบ รวมทั้งบางส่วนมีการขายทำกำไร เพื่อรอเข้าลงทุนใหม่ สัปดาห์หน้า
แต่สำหรับปัจจัยในประเทศน้ำหนักไม่น่าจะมากเท่ากับในเรื่องของการเมือง เพราะแผนรถยนต์ก่อนหน้านี้ในช่วงปลายสัปดาห์ต่อเนื่องถึงจันทร์-อังคาร ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐล้วนแล้วแต่ไม่ดีแต่ปรากฎว่าดัชนีดาวโจนส์พุ่งสวนวันละหลายเปอร์เซนต์ แป็นเพราะมีการเก็งกำไรว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกืจที่จะมีการอนุมัตินโยบายของค่ายรถยนต์ แต่พอออกมาไม่เป็นไปตามคาดก็ไม่เทขาย
นอกจากนี้ เรื่องจะเปืดสภาในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2551 และเลือกนายกรัฐมนตรีรนั้นเป็นที่รับทราบกันในตลาดระดับหนึ่ง พอได้ตัวนายกฯ แล้วก็จะมี sale on fact ก่อนหลังจากนั้นก็มาดูสภาพเศรษฐกิจอีกทีซึ่งไม่ดี
ประกอบกับ ในวันเสาร์-อาทิตยี์นี้ มีโฟนอินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งประเด็นนี้นักลงทุนก็เตรียมระวัง โดยที่มีการเก็งกำไรมาก่อนหน้านี้ก็ขาย รวมทั้งการเพิ่มทุนของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ยังไม่ได้ข้อยุติ แต่การเพิ่มทุนจะล้มไม่ได้ ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ที่จะต้องใส่เงินเพิ่มทุนเข้ามาจะหาเงินที่ไหนมาลงทุนเป็นอีกประเด็นหนึ่ง วันนี้มีแต่ปัจจัยที่ไม่ดีต่อตลาด