PAF เตรียมแต่งตั้งทนายสู้คดี หลัง บสท. ฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง โดยอ้างว่าบริษัทฯ มีหนี้สินกับ บสท. เป็นจำนวน 783.07 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนมากกว่าทรัพย์สิน ถือว่าบริษัทฯเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย และศาลล้มละลายกลางได้นัดพิจารณาคดี ในวันที่ 30 มกราคม 2552 ขณะที่บริษัทยันบริษัทมีทรัพย์สินถึง 4,502 ล้านบาท ในขณะที่มีหนี้สินรวมเพียง 1,766 ล้านบาท
นายกิตตินันท์ พานิชไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนเอเซียฟุตแวร์ จำกัด (มหาชน) ( PAF )แจ้งว่า ตามที่ธนาคาร กรุงไทย จำกัด(มหาชน) โดยบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย จำกัด (บสท.) ผู้สวมสิทธิแทนที่โจทก์ ฟ้องบริษัทฯในฐานะผู้ค้ำประกันเป็นจำเลยที่ 3 เพื่อให้ร่วมรับผิดกับ บริษัท บ้านแพน เอนจิเนียริ่ง แอนด์ โฮลด์ดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 1 ซึ่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 10372/2546 ให้บริษัทฯ และบริษัทรังสิตฟุตแวร์ จำกัด (จำเลยที่ 4) ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ไม่เกิน 399.38 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปีของต้นเงิน 288.41 ล้านบาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น
บริษัทฯได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ บริษัทฯก็ได้พยายามเจรจาปรับ
โครงสร้างหนี้กับ บสท.มาโดยตลอด รวมทั้งได้ยื่นขอไกล่เกลี่ยในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วย แต่ไม่สามารถตกลงกับ บสท.ได้บริษัทฯขอรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี ดังนี้
1.บริษัทฯได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โดยนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในวันที่ 25 ธันวาคม 2551 เวลา 09.00 น.
2.บริษัทฯได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องของศาลล้มละลายกลางคดีหมายเลขดำที่ 15400/51ระหว่าง บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย จำกัด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ บริษัท แพนเอเซียฟุตแวร์ จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้โดยฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2551 ในคำฟ้องอ้างว่าบริษัทฯ มีหนี้สินกับ บสท. เป็นจำนวน783.07 ล้านบาท ซึ่งหนี้สินดังกล่าวมีจำนวนมากกว่าทรัพย์สิน ถือว่าบริษัทฯเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย และศาลล้มละลายกลางได้นัดพิจารณาคดี ในวันที่ 30 มกราคม 2552 เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของบริษัทฯมีความเห็นว่าหนี้สินที่ บสท. ฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางมีจำนวน783.07 ล้านบาท นั้น หนี้สินที่เป็นต้นเงินตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีเพียงจำนวน 288.41 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้รับรู้ประมาณการหนี้สินดังกล่าวไว้แล้วถึง 580.59 ล้านบาท คงเหลือภาระหนี้สินในส่วนดอกเบี้ยที่จะต้องรับรู้ตามระบบบัญชีอีกเพียง 202.48 ล้านบาทเท่านั้น ปัจจุบันบริษัทฯมีสินทรัพย์ถึง 4,502 ล้านบาท ในขณะที่มีหนี้สินรวมเพียง 1,766 ล้านบาท ย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฎชัดว่าบริษัทฯไม่ได้เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามที่ บสท.ฟ้องแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทฯ จะได้แต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินการต่อสู้คดีตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
นายกิตตินันท์ พานิชไกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพนเอเซียฟุตแวร์ จำกัด (มหาชน) ( PAF )แจ้งว่า ตามที่ธนาคาร กรุงไทย จำกัด(มหาชน) โดยบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย จำกัด (บสท.) ผู้สวมสิทธิแทนที่โจทก์ ฟ้องบริษัทฯในฐานะผู้ค้ำประกันเป็นจำเลยที่ 3 เพื่อให้ร่วมรับผิดกับ บริษัท บ้านแพน เอนจิเนียริ่ง แอนด์ โฮลด์ดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 1 ซึ่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2546 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 10372/2546 ให้บริษัทฯ และบริษัทรังสิตฟุตแวร์ จำกัด (จำเลยที่ 4) ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ไม่เกิน 399.38 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปีของต้นเงิน 288.41 ล้านบาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้น
บริษัทฯได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ บริษัทฯก็ได้พยายามเจรจาปรับ
โครงสร้างหนี้กับ บสท.มาโดยตลอด รวมทั้งได้ยื่นขอไกล่เกลี่ยในชั้นศาลอุทธรณ์ด้วย แต่ไม่สามารถตกลงกับ บสท.ได้บริษัทฯขอรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี ดังนี้
1.บริษัทฯได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของศาลแพ่งกรุงเทพใต้ โดยนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในวันที่ 25 ธันวาคม 2551 เวลา 09.00 น.
2.บริษัทฯได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องของศาลล้มละลายกลางคดีหมายเลขดำที่ 15400/51ระหว่าง บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย จำกัด เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ บริษัท แพนเอเซียฟุตแวร์ จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้โดยฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2551 ในคำฟ้องอ้างว่าบริษัทฯ มีหนี้สินกับ บสท. เป็นจำนวน783.07 ล้านบาท ซึ่งหนี้สินดังกล่าวมีจำนวนมากกว่าทรัพย์สิน ถือว่าบริษัทฯเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย และศาลล้มละลายกลางได้นัดพิจารณาคดี ในวันที่ 30 มกราคม 2552 เวลา 09.00 น.
ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของบริษัทฯมีความเห็นว่าหนี้สินที่ บสท. ฟ้องต่อศาลล้มละลายกลางมีจำนวน783.07 ล้านบาท นั้น หนี้สินที่เป็นต้นเงินตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีเพียงจำนวน 288.41 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้รับรู้ประมาณการหนี้สินดังกล่าวไว้แล้วถึง 580.59 ล้านบาท คงเหลือภาระหนี้สินในส่วนดอกเบี้ยที่จะต้องรับรู้ตามระบบบัญชีอีกเพียง 202.48 ล้านบาทเท่านั้น ปัจจุบันบริษัทฯมีสินทรัพย์ถึง 4,502 ล้านบาท ในขณะที่มีหนี้สินรวมเพียง 1,766 ล้านบาท ย่อมเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฎชัดว่าบริษัทฯไม่ได้เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามที่ บสท.ฟ้องแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทฯ จะได้แต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินการต่อสู้คดีตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป