บจ.mai 28 แห่งจาก 38 แห่ง ร้อยละ 74 ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับดีขึ้นไป สูงสุดเป็นกลุ่มธุรกิจลำดับที่ 3 โดยมี บจ. 9 แห่งได้รับการประเมินระดับดีมาก และอีก 19 แห่งได้รับการประเมินระดับดี "สุทธิชัย" เผยเป็นผลจากการเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า จากรายงานการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2551 ซึ่งจัดทำโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย สนับสนุนโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. พบว่าบริษัทจดทะเบียนใน mai ได้รับการสำรวจจำนวน 38 บริษัท จากจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 49 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการสำรวจจำนวน 22 บริษัท จาก 42 บริษัท
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนใน mai ที่ได้รับการประเมินระดับดีมาก มีจำนวน 9 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีเพียง 1 บริษัท ได้แก่ BROOK, L&E, MACO (2 ปีซ้อน), PYLON, STEEL, SWC, TRC, UMS และ YUASA สำหรับบริษัทที่ได้รับการประเมินระดับดี มีจำนวน 19 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีเพียง 9 บริษัท ได้แก่ BOL, CMO, DEMCO,DM, E, FOCUS, ILINK, IRCP, KASET, LVT, PICO, PPM, PR124, STAR, TIES, TMW, TPAC, TRT, และ UEC
บริษัทจดทะเบียน mai จำนวน 38 แห่ง มีจำนวน 28 บริษัทที่ได้รับการประเมินระดับดีขึ้นไป ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 74โดย mai เป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในลำดับที่ 3 รองจากกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจการเงิน นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาจากคะแนนเฉลี่ย พบว่าบริษัทจดทะเบียนใน mai มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุดเป็นลำดับที่ 5 โดยมีคะแนนเฉลี่ยสูงถึง 74.9 เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีคะแนนเฉลี่ย 70.0
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ สายงานกำกับองค์กรและส่งเสริมบรรษัทภิบาล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นในการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียน มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีได้ เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการสนับสนุนให้จัดอบรมและสัมมนาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี(Good Corporate Governance) ให้กับบริษัทจดทะเบียน ทั้งใน SET และ mai อย่างต่อเนื่อง
โดยได้นำเสนอตัวอย่างบริษัทที่ประสบความสำเร็จจากการปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กรรมการและผู้บริหาร รวมทั้งได้จัดฝึกอบรมวิธีการเปิดเผยข้อมูลการปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว เพื่อให้สามารถสื่อสารกับผู้ลงทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม ผลที่ปรากฏจากการประเมินในปี 2551 นี้ สะท้อนให้เห็นว่าการเตรียมความพร้อมที่ได้ทำมา ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า จากรายงานการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2551 ซึ่งจัดทำโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย สนับสนุนโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. พบว่าบริษัทจดทะเบียนใน mai ได้รับการสำรวจจำนวน 38 บริษัท จากจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 49 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการสำรวจจำนวน 22 บริษัท จาก 42 บริษัท
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนใน mai ที่ได้รับการประเมินระดับดีมาก มีจำนวน 9 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีเพียง 1 บริษัท ได้แก่ BROOK, L&E, MACO (2 ปีซ้อน), PYLON, STEEL, SWC, TRC, UMS และ YUASA สำหรับบริษัทที่ได้รับการประเมินระดับดี มีจำนวน 19 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีเพียง 9 บริษัท ได้แก่ BOL, CMO, DEMCO,DM, E, FOCUS, ILINK, IRCP, KASET, LVT, PICO, PPM, PR124, STAR, TIES, TMW, TPAC, TRT, และ UEC
บริษัทจดทะเบียน mai จำนวน 38 แห่ง มีจำนวน 28 บริษัทที่ได้รับการประเมินระดับดีขึ้นไป ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 74โดย mai เป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในลำดับที่ 3 รองจากกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจการเงิน นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาจากคะแนนเฉลี่ย พบว่าบริษัทจดทะเบียนใน mai มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุดเป็นลำดับที่ 5 โดยมีคะแนนเฉลี่ยสูงถึง 74.9 เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีคะแนนเฉลี่ย 70.0
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ สายงานกำกับองค์กรและส่งเสริมบรรษัทภิบาล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นในการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียน มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีได้ เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการสนับสนุนให้จัดอบรมและสัมมนาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี(Good Corporate Governance) ให้กับบริษัทจดทะเบียน ทั้งใน SET และ mai อย่างต่อเนื่อง
โดยได้นำเสนอตัวอย่างบริษัทที่ประสบความสำเร็จจากการปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กรรมการและผู้บริหาร รวมทั้งได้จัดฝึกอบรมวิธีการเปิดเผยข้อมูลการปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว เพื่อให้สามารถสื่อสารกับผู้ลงทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม ผลที่ปรากฏจากการประเมินในปี 2551 นี้ สะท้อนให้เห็นว่าการเตรียมความพร้อมที่ได้ทำมา ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
