รมว.คลังยันโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลฉลุย 4 แบงก์อนุมัติเงินกู้ 1.1 แสนล้านแล้ว และได้จ่ายเงินกู้ให้เกษตรกรแล้ว 12,000 ราย วงเงิน 1,690 ล้าน ส่วนกรณีราคาข้าวหอมจังหวัด ต้องรอครม.อนุมัติ พร้อมจ่ายส่วนที่ขาดทันที
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารไทย ได้ผ่านขั้นตอนการอนุมัติเงินกู้จำนวน 110,000 ล้านบาท ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้วงเงินที่จะใช้ในการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 51/52 นั้น ไม่มีปัญหาอย่างใด ซึ่งธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินกู้ให้กับเกษตรกรที่นำข้าวเปลือกมาจำนำได้ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีเกษตรกรที่มาจำนำข้าวเปลือกแล้ว 12,000 ราย รวมเป็นวงเงิน 1,690 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของกรณีที่เกษตรกรที่ปลูกข้าวหอมจังหวัด ซึ่งต้องการให้รัฐบาลรับจำนำในราคาเดียวกับข้าวหอมมะลิเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรนั้น ขณะนี้กำลังเตรียมเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และให้ครม.พิจารณาอยู่ จึงขอให้เกษตรกรรับเงินจำนำข้าวเปลือกในราคาเดิมไปก่อน หากผลการพิจารณาของ ครม.ออกมาและอนุมัติให้รับจำนำข้าวหอมจังหวัด ก็จะดำเนินการให้เกษตรกรมารับเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นในทันที
ด้านนายลักษณ์ วจนานวัช รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ผลการดำเนินงานโครงการรับจำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 51/52 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้นธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินกู้ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 12,184 ราย เป็นเงิน 1,690 ล้านบาท ได้ข้าวเปลือก 158,000 ตัน โดยเป็นการรับจำนำไปประทวนทั้งหมด ส่วนการรับจำนำที่ยุ้งฉาง ซึ่งเกษตรกรจะได้ราคาสูงกว่าการรับจำนำในประทวนตันละ 1,000 บาทนั้น มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนยุ้งฉางกับ ธ.ก.ส. 500,000 ยุ้งฉาง คิดเป็นความจุในการเก็บข้าวเปลือก 4 ล้านตัน คาดว่าจะจ่ายเงินกู้ได้ในราวกลางเดือน ธ.ค. นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ยังมีข้อจำกัดที่ต้องแจ้งให้เกษตรกรทราบว่า หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกแล้ว ธ.ก.ส.ต้องการให้เกษตรกรดูแลเรื่องการลดความชื้นและสิ่งแปลกปลอมให้มีน้อยที่สุด ซึ่งช่วยให้ข้าวเปลือกมีคุณภาพเก็บไว้ได้นาน และจะทำให้ได้ราคาสูงเมื่อถึงเวลาขาย
"ทางธ.ก.ส.เองก็ไม่ต้องการให้เกษตรกรคิดว่าเมื่อปลูกข้าวแล้ว รัฐบาลต้องมารับจำนำ เพราะการรับจำนำข้าวเปลือกนั้นเป็นเพียงกลไกหนึ่งที่จะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาระยะสั้น โดยเฉพาะเมื่อผลิตข้าวเปลือกออกมาเป็นจำนวนมากเท่านั้น ไม่ใช่กลไกที่จำเป็นต้องทำทุกๆครั้ง"นายลักษณ์กล่าว
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ธนาคารทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารนครหลวงไทย และธนาคารไทย ได้ผ่านขั้นตอนการอนุมัติเงินกู้จำนวน 110,000 ล้านบาท ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้วงเงินที่จะใช้ในการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 51/52 นั้น ไม่มีปัญหาอย่างใด ซึ่งธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินกู้ให้กับเกษตรกรที่นำข้าวเปลือกมาจำนำได้ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมีเกษตรกรที่มาจำนำข้าวเปลือกแล้ว 12,000 ราย รวมเป็นวงเงิน 1,690 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของกรณีที่เกษตรกรที่ปลูกข้าวหอมจังหวัด ซึ่งต้องการให้รัฐบาลรับจำนำในราคาเดียวกับข้าวหอมมะลิเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรนั้น ขณะนี้กำลังเตรียมเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และให้ครม.พิจารณาอยู่ จึงขอให้เกษตรกรรับเงินจำนำข้าวเปลือกในราคาเดิมไปก่อน หากผลการพิจารณาของ ครม.ออกมาและอนุมัติให้รับจำนำข้าวหอมจังหวัด ก็จะดำเนินการให้เกษตรกรมารับเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นในทันที
ด้านนายลักษณ์ วจนานวัช รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. กล่าวว่า ผลการดำเนินงานโครงการรับจำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 51/52 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั้นธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินกู้ให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 12,184 ราย เป็นเงิน 1,690 ล้านบาท ได้ข้าวเปลือก 158,000 ตัน โดยเป็นการรับจำนำไปประทวนทั้งหมด ส่วนการรับจำนำที่ยุ้งฉาง ซึ่งเกษตรกรจะได้ราคาสูงกว่าการรับจำนำในประทวนตันละ 1,000 บาทนั้น มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนยุ้งฉางกับ ธ.ก.ส. 500,000 ยุ้งฉาง คิดเป็นความจุในการเก็บข้าวเปลือก 4 ล้านตัน คาดว่าจะจ่ายเงินกู้ได้ในราวกลางเดือน ธ.ค. นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ยังมีข้อจำกัดที่ต้องแจ้งให้เกษตรกรทราบว่า หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกแล้ว ธ.ก.ส.ต้องการให้เกษตรกรดูแลเรื่องการลดความชื้นและสิ่งแปลกปลอมให้มีน้อยที่สุด ซึ่งช่วยให้ข้าวเปลือกมีคุณภาพเก็บไว้ได้นาน และจะทำให้ได้ราคาสูงเมื่อถึงเวลาขาย
"ทางธ.ก.ส.เองก็ไม่ต้องการให้เกษตรกรคิดว่าเมื่อปลูกข้าวแล้ว รัฐบาลต้องมารับจำนำ เพราะการรับจำนำข้าวเปลือกนั้นเป็นเพียงกลไกหนึ่งที่จะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาระยะสั้น โดยเฉพาะเมื่อผลิตข้าวเปลือกออกมาเป็นจำนวนมากเท่านั้น ไม่ใช่กลไกที่จำเป็นต้องทำทุกๆครั้ง"นายลักษณ์กล่าว