บล.นครหลวงไทย ชี้ จำนวนหุ้นปล่อยมาร์จิ้นโลนเหลือ 40 บริษัท จากเดิม 150 บริษัท เล็งปรับเกณฑ์เรียกหลักประกันเข้มขึ้น หลังได้รับความเสียหายช่วงหุ้นตก –แบงก์แม่กำชับการบริหารงาน "สาธิต" ยันคงทำงานต่อไป ยังไม่ลาออกจากข่าวก่อนหน้ามีกระแสข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่เตรียมให้ออกจากได้รับเสียหายปล่อยมาร์จิ้น
นายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า บล.นครหลวงไทย นับเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการบังคับขายหุ้น (ฟอร์ซเซล)ในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาอย่างรุนแรงช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อหุ้น(มาร์จินโลน)ให้กับลูกค้า
ทั้งนี้ จากปัญหาดังกล่าวทำให้บริษัทได้มีการเข้มงวดในการปล่อยมาร์จิ้นโลนมากขึ้น โดยได้ลดจำนวนหุ้นที่มีการปล่อยมาร์จ้นเหลือ 40 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่อยู่ในSET 50 ลดลงจากก่อนหน้านี้มีมากถึง 150 บริษัท เพื่อป้องกับความเสี่ยง ขณะเดียวกันได้ลดวงเงินการปล่อยมาร์จินโดยตลอด หากลูกค้ารายใดมีการชำระเงินกู้ก็จะไม่มีการให้สินเชื่อใหม่ จนทำให้มีสินเชื่อเพื่อมาร์จินเหลือเพียง 500 ล้านบาท จากต้นปีมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มอัตราการดำรงหลักประกันขั้นต่ำสำหรับลูกค้าบัญชีมาร์จินโลน ให้มีความเข้มงวดขึ้น จากเดิมการการดำรงหลักประกันขั้นต่ำของลูกค้าจะต้องมีสัดส่วน 35% ของมูลค่าหลักประกัน แต่หากต่ำกว่าระดับนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน ทางบริษัทจะเรียกหลักประกันเพิ่ม หากลูกค้าไม่นำมาวางเพิ่มจนมูลค่าลดลงจนถึงระดับ 25% ทางบริษัทจะดำเนินการบังคับขาย(ฟอร์ซเซล)ทันที
นายสาธิต กล่าวว่า จากการที่ดัชนีราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากนั้น ทำให้โบรกเกอร์ทุกแห่งได้รับความเสียหาย เพราะราคาหุ้นปรับตัวลดลงไป ซึ่งบริษัทได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับ บล.อื่นๆ ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์อื่นได้รับความเสียหายอย่างหนัก และคิดว่าสุดท้ายขึ้นอยู่กับว่าสามารถให้ลูกค้ามาชำระหนี้ได้หรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ บริษัทเองไม่ได้มีปัญหาเพราะลูกค้าหลายรายต่างมีชื่อเสียง ซึ่งเป็นลูกค้าตัวจริงย่อมไม่ยอมเสียชื่อปล่อยให้ถูกฟ้องร้องแน่นอน ขณะเดียวกันบริษัทได้ดำเนินการประนอมหนี้กับลูกค้ารายใหญ่ไปแล้ว 1 ราย ด้วยการยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป
ส่วนกรณีที่ ธนาคารนครหลวงไทยในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่พอใจต่อการบริหารงานและมีข่าวลือว่าจะ ปลดนายสาธิตนั้น นายสาธิต กล่าวว่า ได้หารือกับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับลูกหนี้ที่มีปัญหาจากการปล่อยมาร์จินโลน และทางธนาคารนครหลวงไทยในฐานะผู้ถือหุ้นได้ให้คำแนะนำว่าควรปรับปรุงเกณฑ์การปล่อยมาร์จินโลนให้มีความเข้มงวดกว่าเดิม
นายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า บล.นครหลวงไทย นับเป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการบังคับขายหุ้น (ฟอร์ซเซล)ในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาอย่างรุนแรงช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นผลจากการปล่อยสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อหุ้น(มาร์จินโลน)ให้กับลูกค้า
ทั้งนี้ จากปัญหาดังกล่าวทำให้บริษัทได้มีการเข้มงวดในการปล่อยมาร์จิ้นโลนมากขึ้น โดยได้ลดจำนวนหุ้นที่มีการปล่อยมาร์จ้นเหลือ 40 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่อยู่ในSET 50 ลดลงจากก่อนหน้านี้มีมากถึง 150 บริษัท เพื่อป้องกับความเสี่ยง ขณะเดียวกันได้ลดวงเงินการปล่อยมาร์จินโดยตลอด หากลูกค้ารายใดมีการชำระเงินกู้ก็จะไม่มีการให้สินเชื่อใหม่ จนทำให้มีสินเชื่อเพื่อมาร์จินเหลือเพียง 500 ล้านบาท จากต้นปีมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มอัตราการดำรงหลักประกันขั้นต่ำสำหรับลูกค้าบัญชีมาร์จินโลน ให้มีความเข้มงวดขึ้น จากเดิมการการดำรงหลักประกันขั้นต่ำของลูกค้าจะต้องมีสัดส่วน 35% ของมูลค่าหลักประกัน แต่หากต่ำกว่าระดับนี้ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน ทางบริษัทจะเรียกหลักประกันเพิ่ม หากลูกค้าไม่นำมาวางเพิ่มจนมูลค่าลดลงจนถึงระดับ 25% ทางบริษัทจะดำเนินการบังคับขาย(ฟอร์ซเซล)ทันที
นายสาธิต กล่าวว่า จากการที่ดัชนีราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากนั้น ทำให้โบรกเกอร์ทุกแห่งได้รับความเสียหาย เพราะราคาหุ้นปรับตัวลดลงไป ซึ่งบริษัทได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับ บล.อื่นๆ ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์อื่นได้รับความเสียหายอย่างหนัก และคิดว่าสุดท้ายขึ้นอยู่กับว่าสามารถให้ลูกค้ามาชำระหนี้ได้หรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ บริษัทเองไม่ได้มีปัญหาเพราะลูกค้าหลายรายต่างมีชื่อเสียง ซึ่งเป็นลูกค้าตัวจริงย่อมไม่ยอมเสียชื่อปล่อยให้ถูกฟ้องร้องแน่นอน ขณะเดียวกันบริษัทได้ดำเนินการประนอมหนี้กับลูกค้ารายใหญ่ไปแล้ว 1 ราย ด้วยการยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป
ส่วนกรณีที่ ธนาคารนครหลวงไทยในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่พอใจต่อการบริหารงานและมีข่าวลือว่าจะ ปลดนายสาธิตนั้น นายสาธิต กล่าวว่า ได้หารือกับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับลูกหนี้ที่มีปัญหาจากการปล่อยมาร์จินโลน และทางธนาคารนครหลวงไทยในฐานะผู้ถือหุ้นได้ให้คำแนะนำว่าควรปรับปรุงเกณฑ์การปล่อยมาร์จินโลนให้มีความเข้มงวดกว่าเดิม